TK มั่นใจธุรกิจฟื้น ออกหุ้นกู้รอบสอง 600 ล้านบาท 3 ปี ดอกเบี้ย 2.36% รองรับพอร์ตเช่าซื้อโต

0
351
image_pdfimage_printPrint

markshot3s1

TK มั่นใจธุรกิจฟื้น ออกหุ้นกู้รอบสอง 600 ล้านบาท 3 ปี ดอกเบี้ย 2.36% รองรับพอร์ตเช่าซื้อโต
• สัญญาณฟื้น เตรียมปรับเป้าเติบโต
• ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เครดิตดี TRIS RATING A- (STABLE)
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย ออกหุ้นกู้ชุดที่ 2 วงเงิน 600 ล้านบาท เพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดและใช้ขยายพอร์ตสินเชื่อ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า TK ได้ออกหุ้นกู้จำนวน 600,000 หน่วย มูลค่าหน่วยละ 1,000 บาท มูลค่ารวม 600 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.36% โดยจำหน่ายในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้
“การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ โดย TK มีการออกหุ้นกู้ชุดแรกเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก TK สามารถออกหุ้นกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และเป็นประโยชน์กับการล็อกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในระยะยาว” นางสาวปฐมา กล่าว
นางสาวปฐมา กล่าวว่าหุ้นกู้ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินสำคัญของ TK เพื่อระดมทุนสำหรับรองรับการขยายงานและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่ง TK ออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง และการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อระดมเงินทุนเตรียมพร้อมที่จะขยายตัวใน 1–2 ปีข้างหน้า โดย TK ได้เล็งเห็นสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งระดับอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ผลักดันโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ มีวงเงินรวมกว่า 6.26 แสนล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ก.ย. 2558-25 เม.ย. 2559 ได้แก่โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โดยการสนับสนุนเงินทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจำนวน 7.95 หมื่นกองทุน กองทุนละไม่เกิน 5 แสนบาท ภายในวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน เช่น ยุ้งฉางชุมชน โรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงสีชุมชน การจัดหาแหล่งเก็บน้ำชุมชน และเครื่องจักรสำหรับแปรรูปสินค้าเกษตร
– 2 –
“งบประมาณที่มาจากโครงการและนโยบายรัฐบาล กำลังส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวและส่งผลให้เรามั่นใจว่าตลาดรถมอเตอร์ไซค์จะเริ่มกลับมาขยายตัวในปีนี้ที่ 1,700,000 คัน โดยเห็นได้จากยอดขายรถจักรยานยนต์รวมหลังสงกรานต์ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคม มียอดขายรวมที่ 165,646 คัน และในเดือนมิถุนายนที่ 184,459 คัน นับจากไตรมาส 4 ปี 2558 จนถึงสิ้นไตรมาส 2 ปี 2559 TK มีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ณ ขณะนี้ TK พร้อมที่จะเติบโตอีกครั้งในปีนี้” นางสาวปฐมา กล่าว
นางสาวปฐมา กล่าวว่าในภาวะดอกเบี้ยต่ำ ถือเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีที่ TK จะออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และจะทำให้ TK สามารถลดอัตราดอกเบี้ยต้นทุนเฉลี่ยลดลง โดยขณะนี้ TK มีต้นทุนการเงินที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.56% คิดเป็นสัดส่วนเงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 93.49% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด
นางสาวปฐมา กล่าวว่าการออกหุ้นกู้ของ TK แต่ละครั้งนั้นเพื่อรองรับการขยายตัวของ TK ในปีนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน แต่ที่สำคัญคือ TK สามารถบริหารต้นทุนทางการเงินให้คงที่ สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจเช่าซื้อที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดสัญญา ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ในครั้งนี้ที่ 2.36% ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและสามารถรักษาระดับส่วนต่างของต้นทุนทางการเงินกับอัตราดอกเบี้ยที่ปล่อยให้กับลูกค้า
การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่มีผู้แทนถือหุ้นกู้และจำหน่ายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่
ทางด้านนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่าการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ถือเป็นการออกในระยะเวลาไล่เลี่ยกับการออกครั้งที่ 1 ซึ่ง TK มั่นใจว่าอัตราการเจริญเติบโตของปีนี้ น่าจะสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 5% จึงจำเป็นต้องออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อรองรับการขยายตัว
“หุ้นกู้ของ TK ถือว่าได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน ทั้งนี้เพราะความมั่นคงของ TK อีกทั้ง TK ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก TRIS Rating ที่ A- มาตั้งแต่ปี 2553” นายประพลกล่าว
นายประพลกล่าวว่าปัจจุบัน TK มีสัดส่วนเงินกู้ต่อสินทรัพย์ หรือ D/E Ratio อยู่ที่ 0.8 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจเดียวกันในตลาดที่มีสัดส่วนสูงถึง 7.7 เท่า
กลุ่มบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 2,200 คน และมีสาขาบริการรวม 88 สาขา และมีบริษัทลูก 2 บริษัทในประเทศกัมพูชาและลาว ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศเกือบ 300,000 ราย