อะโดบีเปิดตัว “Spark” แอพสร้างคอนเทนต์เล่าเรื่องด้วยภาพสำหรับทุกคน

0
264
image_pdfimage_printPrint

adobe-spark-web-projects1

ข่าวประชาสัมพันธ์

อะโดบีเปิดตัว “Spark” แอพสร้างคอนเทนต์เล่าเรื่องด้วยภาพสำหรับทุกคน
พร้อมอัพเดตโมบายล์แอพร่วม

กรุงเทพฯ — 14 มิถุนายน 2559—อะโดบี (Nasdaq:ADBE) ประกาศเปิดตัว Adobe Spark แอพที่รวมโซลูชั่นเว็บ และโมบายล์แบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวสำหรับการสร้างและแบ่งปันเรื่องราวความประทับใจด้วยภาพ Adobe Spark เปิดให้ใช้งานฟรี โดยออกแบบเป็นพิเศษสำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสารในแต่ละวัน ช่วยให้ผู้ใช้ทุกคน รวมถึงธุรกิจขนาดเล็ก นักการตลาดโซเชียล และนักเรียนนักศึกษา ได้สร้างสรรค์เนื้อหาคอนเทนต์ที่สวยงาม ดึงดูดผู้ชมผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งยังแสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนทุกอุปกรณ์อีกด้วย
นายไบรอัน แลมคิน รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อดิจิตอลของอะโดบี กล่าวว่า “ปัจจุบัน ผู้ใช้ทุกคนสามารถสร้างคอนเทนต์ด้วยตนเองและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย แต่คนส่วนใหญ่ยังขาดทักษะ เวลา และทรัพยากรสำหรับการสร้างสรรค์บางสิ่งให้ดูโดดเด่นบนระบบออนไลน์อย่างแท้จริง ด้วย Adobe Spark ผู้ใช้จะสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สวยงามสำหรับโครงการ งานอดิเรก กิจกรรมเพื่อสังคม หรือธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ”
Adobe Spark บริการใหม่ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Adobe Creative Cloud ผสานรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ยาวนานกว่า 30 ปีของอะโดบีสำหรับมืออาชีพด้านครีเอทีฟ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงาน เว็บแอพ Adobe Spark ซิงค์อย่างกลมกลืนกับโมบายล์แอพ Spark Post, Spark Page และ Spark Video บน iOS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง แก้ไข และแบ่งปันเรื่องราวได้จากทุกที่ ไม่ว่าผู้ใช้จะมีประสบการณ์ด้านการออกแบบมากน้อยเพียงใดก็ตาม
โซลูชั่นแบบครบวงจรประกอบด้วย:
• เว็บแอพ Adobe Spark: ประสบการณ์เว็บบนเบราว์เซอร์สำหรับการสร้างโซเชียลโพสต์และกราฟิก เรื่องราวบนเว็บ และวิดีโอภาพเคลื่อนไหว
• Spark Post: โมบายล์แอพ iOS ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างโซเชียลโพสต์และกราฟิกที่น่าทึ่งได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
• Spark Page: โมบายล์แอพ iOS ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเรื่องราวบนเว็บที่สวยงาม
• Spark Video: โมบายล์แอพ iOS ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอภาพเคลื่อนไหวที่น่าสนใจโดยใช้เวลาไม่กี่นาที

ช่วยให้ผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจประสบความสำเร็จ
Adobe Spark มุ่งเน้นการสื่อสารประจำวัน โดยออกแบบเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจขนาดเล็กประสบความสำเร็จ อะโดบีทำงานร่วมกับ Facebook Blueprint ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ความรู้และออกใบรับรองระดับโลก เพื่อช่วยให้เอเจนซี่และผู้ลงโฆษณาบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมผ่านการทำตลาดบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ทั้งนี้ ผู้ใช้ Facebook Blueprint จะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของอะโดบี ผ่านทางเนื้อหาคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำตลาดอย่างมีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram โดยใช้ Adobe Spark

นอกจากนี้ Adobe Spark ยังร่วมมือกับ Change.org แพลตฟอร์มการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อสร้างเนื้อหาการฝึกอบรมสำหรับผู้ร้องเรียน สำหรับข้อร้องเรียนที่มีวิดีโอประกอบจะได้รับการลงชื่อสนับสนุนมากขึ้น 6 เท่า และผู้ร้องเรียนบน Change.org จะสามารถเข้าใช้ทรัพยากร Adobe Spark เพื่อการสร้างวิดีโอคำอธิบายที่มีประสิทธิภาพสำหรับการรณรงค์เพื่อการระดมทุนและกิจกรรมเพื่อสังคม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Adobe Spark
ทรัพยากรเพิ่มเติมและเนื้อหาคอนเทนต์ Adobe Spark ที่สร้างแรงบันดาลใจมีอยู่ที่:
• Adobe Spark Blog: www.spark.adobe.com/blog
• @AdobeSpark, #SparkMade และ #AdobeSpark on social: Instagram, Twitter, Pinterest และ Facebook

ราคาและการวางจำหน่าย
Adobe Spark เปิดให้ใช้งานได้ฟรีที่ spark.adobe.com โดยต้องใช้ Adobe ID, ล็อกอิน Google หรือ Facebook เพื่อใช้แอพเหล่านี้ และซิงค์งานระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ Spark Post, Spark Page และ Spark Video ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า Adobe Post, Adobe Slate และ Adobe Voice เปิดให้ใช้งานฟรีทั่วโลก โดยสามารถดาวน์โหลเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษสำหรับ iPad และ iPhone ได้จาก Apple App Store

เกี่ยวกับบริษัทอะโดบี ซิสเต็มส์ อินคอร์เปอเรทเต็ต

อะโดบีเปลี่ยนโลกผ่านประสบการณ์ด้านดิจิตอล รายละเอียดเพิ่มเติม www.adobe.com/sea/

กลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์อะโดบีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถติดต่อกับทีมงานของอะโดบีและบุคลากรด้านครีเอทีฟผ่าน Facebook ได้โดยตรง เพื่อรับทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหว ข้อมูลอัพเดต และโปรโมชั่นได้ที่ http://facebook.com/AdobeSEA
###
© 2016 Adobe Systems Incorporated. All rights reserved. Adobe and the Adobe logoare either registered trademarks or trademarks of Adobe Systems Incorporated in the United States and/or other countries. All other trademarks are the property of their respective owners.