7 เรื่องราวเกี่ยวกับวิดีโอตรวจการณ์-เฝ้าระวัง
จากซีรีส์หนังอาชญากรรม : เรื่องจริง กับ จินตนาการ
โดย: ธงชัย วัฒนโสภณวงศ์
ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน
บริษัท แอ็กซิส คอมมูนิเคชั่นส์
เมื่อนึกถึงการรักษาความปลอดภัย ระบบวิดีโอตรวจการณ์-เฝ้าระวังเป็นและยังคงเป็นพระเอกอยู่ อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าและความสำเร็จทางเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังนำมาซึ่งความเข้าใจและความคาดหวังที่คลาดเคลื่อน นักประพันธ์ซีรีส์หนังอาชญากรรมนับไม่ถ้วน สร้างเนื้อเรื่องให้เห็นถึงปาฏิหาริย์ที่เกิดจากเทคโนโลยีวิดีโอ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า อะไรเป็นจริงได้ และอะไรเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เรามาไขปริศนาเรื่องราว 7 ประการที่น่าสนใจที่สุดของเทคโนโลยีวิดีโอกัน
1. ดิจิทัลซูม: เรื่องที่แสนจะคลาสสิก
ซีรีส์: การซูมภาพด้วยระบบดิจิทัลเป็นส่วนสำคัญที่ปรากฏอยู่ในซีรีส์หนังอาชญากรรมหลายๆ เรื่อง นักสืบนำภาพวิดีโอจากกล้องตรวจการณ์-เฝ้าระวังมาขยายจุดที่ต้องการจะเห็น เช่นภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกหน้าต่าง ซึ่งขั้นตอนในช่วงแรกๆ มักดูเหมือนจริงและเป็นไปได้ คือเมื่อซูมเข้ามาพิกเซลก็ขยายและไม่สามารถจำแนกอะไรออกมาได้ แต่เมื่อเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา ในหลายๆ ตอนของหนังมีการใช้โปรแกรมทางเทคนิคช่วยทำให้ภาพที่ได้จากวิดีโอชัดขึ้น และสามารถทำให้ภาพที่ขยายนั้นเป็นภาพที่มีความละเอียดสูง ดูแล้วเป็นเรื่องสุดยอดจริงๆ ที่เมื่อเหล่านักสืบต้องการแค่จะรู้สีตาของผู้ต้องสงสัยแต่กลับได้เห็นละเอียดถึงม่านตาด้วยภาพที่คมชัด
เรื่องจริง: ซีรีส์ทางโทรทัศน์จินตนาการเรื่องดิจิทัลซูมที่ระดับเมกะพิกเซลด้วยตัวเลขสูงสองหลักหรือสามหลัก ความคมชัดระดับนั้นอาจจะเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ถ้าพูดถึงข้อจำกัดมากมายของเทคโนโลยีตรวจการณ์ที่แท้จริง กล้องที่ติดตั้งใช้งานส่วนมากยังคงเป็นระบบอนาล็อก ในขณะที่กล้องไอพีระดับมืออาชีพซึ่งมีความละเอียดระดับ 1080p HDTV ก็ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกล้องมาตรฐานที่ใช้งานทั่วๆ ไป กล้องที่มีความละเอียดระดับ 4K ultra-high HD เพิ่งออกสู่ตลาดเมื่อปี พ.ศ. 2557 และคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าที่จะมีการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย
2. ภาพในความมืดคือความมืด
ซีรีส์: ฉากหนังอาชญากรรมจำนวนมากเกิดขึ้นในความมืด แต่พอถึงขั้นตอนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ กลับได้ภาพที่คมชัด
เรื่องจริง: ภาพถ่ายตอนกลางคืนในพื้นที่ที่มีสภาพแสงไม่ดีโดยปกติภาพจะมัว การเคลื่อนไหวจะพร่ามากขึ้น ในสภาวการณ์เช่นนี้ช่างภาพใช้ความเร็วชัตเตอร์เข้ามาช่วย แต่วิธีนี้นำไปใช้ในงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้ ภาพถ่ายกลางคืนที่มีการเสริมแต่งแสงจะถูกนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ในการระบุตัวตนได้น้อยมาก จะระบุตัวตนยานพาหนะต่างๆ ได้ก็เมื่อตอนที่พวกมันจอดอยู่นิ่งๆ หรือเคลื่อนที่ช้ามากๆ
ตัวอย่าง: ภาพแสดงให้เห็นภาพจากเหตุการณ์เดียวกันที่ถ่ายโดยกล้อง 4 ตัว
ซ้ายบน – กล้องตรวจจับความร้อน: มองเห็นบุคคลในเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน
ขวาบน – กล้องที่ใช้ความเร็วชัตเตอร์คงที่ที่ 1/6 second: ได้ภาพที่ค่อนข้างพร่ามัว แทบมองไม่เห็นบุคคลในเหตุการณ์
ซ้ายล่าง – กล้องที่ใช้ความเร็วซัตเตอร์ที่ 1/30 (การตั้งค่าเริ่มต้นที่สั้นที่สุดเท่าที่ทำได้): มองเห็นภาพบุคคลได้ชัดเจน แต่ภาพยังคงมืด
ขวาล่าง – กล้องที่ใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/2 second: ภาพสว่างและเป็นภาพสี แต่เกือบจะมองไม่เห็นบุคคลในเหตุการณ์เลย ภาพลักษณะนี้ไม่สามารถนำมาใช้ในงานรักษาความปลอดภัยได้
3. มองจากที่สูง
ซีรีส์: พนักงานสืบสวนนำภาพด้านหน้าของผู้ต้องสงสัยที่ได้จากกล้องตรวจการณ์ไปใช้ และพวกเขาสามารถใช้ภาพนี้ในการสอบสวนด้านอื่นๆ เช่น นำภาพผู้ต้องสงสัยไปถามผู้คนที่อยู่ละแวกนั้น
เรื่องจริง: โดยปกติกล้องมักจะติดตั้งอยู่สูงมากหรือที่ที่เอื้อมไม่ถึงเพื่อปกป้องตัวกล้องจากการที่จะโดนปัดให้กล้องหันเหไปทางอื่นและจากการโดนทุบทำลาย นั่นหมายความว่ากล้องจะมีมุมมองจากข้างบนลงมาด้วยมุมที่สูงชันมาก หากจะจับภาพใบหน้าของคนได้ดังที่ปรากฏในซีรีส์ คนคนนั้นจะต้องแหงนหน้าขึ้นมองตรงไปที่กล้องเท่านั้น ภาพที่จะเล็งไปที่ด้านหน้าของผู้ต้องสงสัยเหมือนที่อยู่ในหนังได้นั้นหมายความว่ากล้องจะต้องติดตั้งอยู่บนขาตั้งสูง 1.70 เมตรในแนวเดียวกับด้านหน้าผู้ต้องสงสัย ซึ่งในระบบตรวจการณ์-เฝ้าระวังมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
4. ความจริงที่บิดเบือน
ซีรีส์: ในละครทีวีเกี่ยวกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ การระบุตัวตนผู้คนทำได้อย่างง่ายดายแม้ว่าคนคนนั้นจะอยู่ด้านหน้าของอาคารใหญ่ๆ โดยไม่สนใจว่าบุคคลนั้นอยู่ตรงไหน ในซีรีส์ใช้กล้องเพียงตัวเดียวที่มีรูรับแสงกว้างเพื่อบันทึกภาพทั่วทั้งอาคารและผลที่ออกมาตามในหนังคือสามารถมองเห็นหน้าต่างและทางเข้าออกต่างๆ ได้ชัดเจน
เรื่องจริง: มุมมองรูรับแสงยิ่งกว้างมากเท่าไร ความชัดเจนของพิกเซลตรงบริเวณขอบของภาพก็จะลดลงมากเท่านั้น การระบุตัวตนได้ดีมักจะอยู่ที่ระดับกลางภาพประมาณ 45 องศา หากใช้กล้องที่มีรูรับแสงกว้างกับพื้นที่รอบนอกอาคารสถานที่อาจได้ความละเอียดพิกเซลต่ำเกินไป หรือถ้าไม่เช่นนั้นแกนของมุมมองที่ใช้จับตามองผู้กระทำผิดก็จะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ทั้งนี้สรุปภาพรวมคร่าวๆ ได้ว่ารูรับแสงกว้างใช้ได้จริงแต่การระบุตัวตนเป็นไปไม่ได้เสมอไป
5. ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด
ซีรีส์: เจ้าหน้าที่สืบสวนสามารถสลับไปดูวิดีโอจากที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายระหว่างกล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ตู้เอทีเอ็ม กล้องที่ติดตั้งเพื่อการจราจร และกล้องตรวจการณ์รถไฟใต้ดิน ดูเหมือนรัฐบาลมีกล้องเป็นหูเป็นตาอยู่ทุกแห่งหน
เรื่องจริง: ในสถานการณ์จริงพนักงานสืบสวนต้องเผชิญกับปัญหาที่ต่างจากในภาพยนต์ เนื่องจากกล้องไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด แม้จะเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าหากวิดีโอที่ติดอยู่ในสถานที่ต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ก็จะสามารถช่วยชีวิตผู้คนที่อยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้ายต่างๆ ได้ก็ตาม สาเหตุเกิดจากการใช้ระบบวิดีโอตรวจการณ์-เฝ้าระวังที่มีระบบแตกต่างกันมากมาย แต่ไม่มีอินเตอร์เฟสที่เป็นมาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้นระบบส่วนใหญ่ทำงานแบบออฟไลน์ ซึ่งเมื่อเราต้องการจะนำภาพวิดีโอที่กล้องบันทึกไว้ไปใช้งานจริงเราต้องใช้เวลาเข้าไปยังสถานที่ที่จัดเก็บภาพวิดีโอนั้นๆ
6. ใช้กล้องจำลอง
ซีรีส์: ปัจจุบัน กล้องได้รับการติดตั้งอยู่เกือบจะทุกที่ในที่ที่เห็นได้ชัด เช่น ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ดังนั้นลูกค้าและผู้มาใช้บริการทุกคนรู้ว่าเขาถูกจับตามองอยู่ เหตุผลของการติดตั้งกล้อง “หลอก” ก็เพื่อยับยั้งการลักทรัพย์
เรื่องจริง: แม้แต่มือสมัครเล่นที่ไม่มีความชำนาญยังบอกได้อย่างง่ายดายว่ากล้องเป็นของปลอมหรือไม่ ซึ่งหมายความว่าการพยายามที่จะป้องปรามอาจกลับตาลปัตร มันอาจกลายเป็นการบอกหัวขโมยว่า “ลงมือได้เลย! ไม่มีใครคอยจับตาดู!”
7. กล้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลา
ซีรีส์: กล้องในหนังไม่เคยมีฝุ่นจับ ไม่มีหยากไย่ใยแมงมุมเกาะ และกระจกกล้องก็ไม่เคยสกปรก มุมมองกล้องก็ชัดเจนและไม่ถูกบดบังด้วยกิ่งไม้หรือวัตถุอื่นใด
เรื่องจริง: ลูกค้าน้อยรายที่จะให้ความสนใจทำความสะอาดและรักษาระบบกล้องของพวกเขา และแทบจะไม่เซ็นสัญญาการใช้บริการ บ่อยครั้งที่เจ้าของระบบวิดีโอไม่ตระหนักเลยว่ากล้องได้รับการบำรุงรักษาไม่เพียงพอจนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น และต้องการจะใช้ภาพจากกล้องแต่ภาพใช้ไม่ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว
———- ———– ———- ———- ———-
เกี่ยวกับ แอ็กซิส คอมมูนิเคชั่นส์
แอ็กซิส นำเสนอโซลูชั่นด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยให้โลกปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในฐานะผู้นำตลาดระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยแบบวิดีโอระบบเครือข่าย แอ็กซิสขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยการคิดค้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครือข่ายภายใต้การทำงานแบบโอเพ่นแพลทฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรจากทั่วโลกได้อย่างมาก แอ็กซิสสานความสัมพันธ์กับพันธมิตรอย่างยาวนาน และส่งต่อความรู้ความเข้าใจแก่พันธมิตร รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างไม่มีใครเหมือนให้กับพันธมิตรทั้งตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันและในตลาดใหม่
แอ็กซิสมีพนักงานมากกว่า 1,900 คน ใน 40 สาขาทั่วโลก และประสานงานร่วมกันกับคู่ค้า 75,000 รายใน 179 ประเทศ แอ็กซิสเป็นบริษัทสัญชาติสวีเดน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2527 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในสต็อกโฮล์ม โดยใช้ตัวย่อ AXIS ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอ็กซิส เชิญเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.axis.com