ไฮเออร์เผยผลประกอบการโตสูงกว่าตลาด เตรียมเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่

0
474
image_pdfimage_printPrint

ไฮเออร์เผยผลประกอบการโตสูงกว่าตลาด
เตรียมเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

Mr Yang Xiaolin_01_re 

ไฮเออร์เผยผลประกอบการปี 2558 เติบโต 16% รวม 2,200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ หวังโตไม่ยั้งในตลาดไทย เน้นสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และเข้าถึงความต้องการผู้บริโภค ผ่านช่องทางสื่อสารยุคใหม่ Facebook Fanpage ที่มีการเข้าถึงกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน

 

มร. หยาง เสี้ยวหลิน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่า ผลกระกอบการของไฮเออร์ในปี 2558 เป็นที่น่าพึงพอใจ หลายกลุ่มผลิตภัณฑ์มีการเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีอัตราเติบโตถึง 16% รวม 2,200 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มเครื่องปรับอากาศ 830 ล้านบาท ตู้เย็น 620 ล้านบาท ตู้แช่แข็ง 270 ล้านบาท เครื่องซักผ้า 230 ล้านบาท โทรทัศน์ 230 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ 20 ล้านบาทตามลำดับ ปัจจุบันไฮเออร์มีผลิตภัณฑ์ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้าและตู้แช่แข็ง เป็นหลักในการทำตลาด

 

“ในปีนี้เราจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่ ทีวี และเครื่องซักผ้า โดยเน้นความแข็งแกร่งด้าน Product Line และเครือข่ายคู่ค้าที่เป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศ พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและใกล้ชิดกับผู้บริโภคชาวไทยมากยิ่งขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายเท่ากับปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจในปี 2558” มร. หยาง เสี้ยวหลิน กล่าว

 

สำหรับปีนี้ ไฮเออร์ มีความตั้งใจที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้าน Product Line ที่มีอยู่เป็นหลัก เริ่มจากเครื่องปรับอากาศ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ระบบ Inverter รุ่นประหยัดซีรี่ส์ใหม่ VNQ ที่นอกจาก Design จะเปลี่ยนไปให้ดูเหมาะสมกับเทรนด์การออกแบบในปัจจุบันแล้ว ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น และศักยภาพการผลิตที่สามารถลดต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาประหยัด

 

ผลิตภัณฑ์ตู้เย็นในปีที่ผ่านมา ไฮเออร์ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ตู้เย็น 2 ประตู ประเภท Inverter ขนาดตั้งแต่ 8.6 คิว จนถึง 20.1 คิว ทำให้ตู้เย็นของไฮเออร์มีครอบคลุมทุก Segment ทั้งประเภท 1 ประตู และ 2 ประตู ในปีนี้จะเพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่ม Side by Side อีก 5 รุ่น ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่รุ่น ประหยัด จนถึงรุ่น Hi-end ที่มี Design หรูหราและมาพร้อมกับระบบ Inverter

 

สำหรับผลิตภัณฑ์ตู้แช่ในปีนี้ จะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ 2 ระบบ Dual Freezer 4 รุ่นด้วยกัน ความจุตั้งแต่ 10 ถึง 25 คิว นอกจากเป็นตู้แช่แข็งแล้ว ยังสามารถแช่เย็นได้อีกด้วย ไฮเออร์ใส่ใจความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภค และปัจจุบันแนวโน้มของความต้องการตู้แช่ขนาดใหญ่มีมากขึ้น จึงตอบสนองความต้องการของตลาดด้วยสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

 

ผลิตภัณฑ์โทรทัศน์นั้น ไฮเออร์ขอแนะนำ Android TV เริ่มต้นที่ขนาด 43” ซึ่งมาพร้อมกับระบบ Android โดยข้อดีของระบบ Android คือ สามารถ Download Application ทุก App ที่มีอยู่ใน Google Play Store เทียบเท่ากับ Smartphone, มี Application ให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย อีกทั้ง Haier Android TV รองรับการเชื่อมต่อหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตไปยังทีวี (Screen Mirroring) ได้อีกทางหนึ่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

 

ด้านผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้านั้น ก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นกัน โดยจะมีการเปิดตัว เครื่องซักผ้า แบบ 2 ถังขนาดใหญ่ถึง 18 กก. ปั่นได้ถึง 14 กก. พร้อมเทคนิคซักแบบ Rain Shower ช่วยขจัดคราบผงซักฟอกที่ตกค้างได้ดีขึ้น ในส่วนของเครื่องซักผ้าฝาบน จะวางจำหน่าย series ที่เป็นฝากระจก แบบเต็มไลน์  ประกอบด้วย 8,9,10,12,14 กก. เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น

 

มร. หยาง เสี้ยวหลิน กล่าวว่า สำหรับเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรมในปีที่ผ่านมา เป็นปีแรกที่ไฮเออร์เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคนิคสำหรับเครื่องปรับอากาศระดับภูมิภาค ภายในบริเวณโรงงานเครื่องปรับอากาศ ซึ่งศูนย์ฯแห่งนี้สามารถใช้ในการอบรม ตั้งแต่เรื่องความรู้เรื่องตัวสินค้า การใช้โปรแกรมในการคำนวณเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับอาคารประเภทต่างๆ ตลอดจนการติดตั้ง และการดูแลบริการหลังการขาย ซึ่งปัจจุบันได้ให้การอบรมกับช่างเทคนิค และผู้รับเหมาไปแล้วกว่า 300 ราย นอกจากนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโครงการเลือกใช้เครืองปรับอากาศประเภท MRV ของ Haier ไปแล้วหลายโครงการ ส่งผลให้ไฮเออร์ประสบความสำเร็จการเติบโตถึง 16% ในปี 2558 ที่ผ่านมา และพร้อมที่จะเดินหน้าขยายตลาดเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องในปีนี้”

 

มร. หยาง เสี้ยวหลิน เน้นย้ำว่า “ความรู้สึกของลูกค้าต่อแบรนด์ไฮเออร์เป็นสิ่งสำคัญที่เราพยายามสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ การบริการ ด้วยการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค เรามีช่องทางการสื่อสารยุคใหม่อย่าง Facebook Haier Thailand Fanpage ที่มีเนื้อหาตรงใจและให้ลูกค้าได้เห็นเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้า แบรนด์ และ Tip & Trick ในการใช้งาน โดยใช้ Concept ทำให้งานบ้านเป็นเรื่องง่าย และสนุก โดยสามารถเพิ่มจำนวน Fan จากเดิม 20,000 เมื่อต้นปี ให้เป็น 300,000 ในปัจจุบัน และในทุกเดือน จะมีผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยเห็น Page Haier ไม่ต่ำกว่า 16 ล้านครั้ง รวมถึงร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้า บริการ และแบ่งปันประสบการณ์ในการใช้สินค้าต่าง ๆ ร่วมกัน นับเป็นการทำให้แบรนด์ไฮเออร์เข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก”

 

“นอกจากการโฆษณาและการสื่อสารที่เน้นขับเคลื่อนไปช่องทางออนไลน์แล้ว เรายังมีกิจกรรมออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานแสดงสินค้า การสร้างการจดจำแบรนด์ผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ และความร่วมมือจากองค์กรภาครัฐและเอกชนในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมไทยด้วยดีเสมอมา”

 

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทไฮเออร์

ไฮเออร์ เป็นผู้นำของโลกในด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยมีพันธกิจในการสร้างสรรค์เครื่องใช้ภายในบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ไฮเออร์มีรายได้ 32.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีผลกำไร 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.2557 ดังนั้นจึงเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาด ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุด ในการวิจัยด้านกลยุทธ์สำหรับตลาดผู้บริโภคได้ยกให้ไฮเออร์เป็นแบรนด์เครื่องใช้ภายในบ้านอันดับหนึ่งของโลกในด้านส่วนแบ่งทางการตลาดติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 ปีมาแล้ว ในปีพ.ศ. 2555 บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป ได้จัดอันดับให้ไฮเออร์เป็น 1 ใน 10 บริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำหน้ามากที่สุดในโลก ล่าสุดในปี 2558 มร. จาง รุ่ยหมิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ได้รับยกย่องจาก Best Practice Institute (BPI) ให้เป็นหนึ่งในสุดยอดซีอีโอของโลก และแบรนด์ไฮเออร์มีรายชื่ออยุ่ใน 2015 World Brand Top 100 ซึ่งจัดอันดับโดย World Brand Lab อีกด้วย

บริษัท ไฮเออร์ อิเล็กทรอนิกส์ กรุ๊ป จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัทไฮเออร์ เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HK: 1169) ส่วนบริษัท Qingdao Haier ในเครือกลุ่มบริษัทไฮเออร์ เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SHA: 600690)

กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2545 ต่อมาปี พ.ศ. 2550 ไฮเออร์ได้ซื้อกิจการ โรงงานของบริษัท ซันโย ยูนิเวอร์แซล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไฮเออร์ อีเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมตั้งบริษัทขายของตัวเอง คือ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งผลให้ไฮเออร์มีฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฐานการผลิต และบริษัทขายเป็นของตัวเองในประเทศไทยตามกลยุทธ์ 3 in 1

กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ประเทศไทย ได้เปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคนิคสำหรับเครื่องปรับอากาศระดับภูมิภาค ภายในบริเวณโรงงานเครื่องปรับอากาศ โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ไฮเออร์วางจำหน่ายในไทย อาทิ ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศ, ตู้แช่, ทีวี, เครื่องทำน้ำอุ่น และไมโครเวฟ