1

ไลน์ ทรานสปอร์ต ประเดิมขนส่งสินค้าข้ามแดนไทย-เมียนมา ผ่านด่านสิงขร สู่จังหวัดมะริด

บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ ในกลุ่มเอสวีแอล (SVL Group) ประกาศความพร้อม เปิดให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนเที่ยวแรกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยผ่านด่านสิงขร สู่ด่านบ้านมูด่อง ทดลองวิ่งบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนครั้งแรก เชื่อมธุรกิจไทย-เมียนมา
โดยนายอุดม สดใส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด ให้รายละเอียดในครั้งนี้ว่า “บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้รับการประสานจากนักธุรกิจภาคเอกชนของเมียนมา ให้ขนส่งสินค้าประเภทปุ๋ยทางการเกษตร เพื่อไปส่งยังเมียนมา โดยรับสินค้าปุ๋ย จำนวน 60 ตัน จากโรงงานต้นทางที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปลายทางคือ ด่านบ้านมูด่อง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รวมระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร โดยการวิ่งงานรับ-ส่งสินค้าครั้งนี้นับว่าเป็นการวิ่งขนส่งสินค้าข้ามแดนครั้งแรกของบริษัทฯ เนื่องจากว่าลูกค้าทราบถึงศักยภาพการบริการของบริษัท ที่มีความพร้อมทั้งตัวรถ และพนักงานขับรถ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆ ปัจจุบันเส้นทางให้บริการ รวมถึงลูกค้าของบริษัท นั้นมีกลุ่มลูกค้าและเส้นทางวิ่งให้บริการมากขึ้น ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก สินค้ามีหลากหลายประเภท ได้แก่ เหล็ก น้ำดื่ม ปุ๋ย ปูนถุง ท่อพีซี อิฐมวลเบา เป็นต้น”
“โดยการวิ่งรถให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนไปยังเมียนมาครั้งแรกนี้ เป็นการนำสินค้าไปส่งบริเวณด่านบ้านมูด่อง ห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งช่องด่านสิงขร จ.ประจวบฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งศูนย์ราชการของเมียนมา ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร สำนักงานความมั่นคง โดยบริษัทฯ นำสินค้าทั้งหมดไปส่งไว้ที่คลังสินค้าสหกรณ์การเกษตรตะนาวศรีบริเวณด่านบ้านมูด่อง และหลังจากนั้นสินค้าจะถูกส่งต่อไปยังจังหวัดมะริดและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งการขนส่งสินค้าในเส้นทางนี้ ได้มีการพูดคุยและเตรียมพัฒนาเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเส้นใหม่ โดยเป็นการพูดคุยระหว่าง จ.ประจวบฯ และภาครัฐของเมียนมา โดยในอนาคตจะเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงธุรกิจของ 2 ประเทศไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะในส่วนของจังหวัดมะริด มณฑลตะนาวศรี กับ จ.ประจวบฯ และอำเภอบางสะพาน ที่จะมีการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือประจวบ เพื่อประหยัดเวลาและระยะทาง นำไปสู่การขยายตัวของเศรษฐกิจได้ ซึ่งบริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด ในฐานะภาคเอกชนของไทยมีความยินดีมากที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนคู่ค้าต่างประเทศในครั้งนี้ และคาดหวังว่าจะเกิดโครงการต่อๆ ไป เพื่อร่วมผลักดันให้การค้าการขนส่งสินค้าข้ามแดนมีความคึกคักมากขึ้น” นายอุดม สดใส กล่าว