ไมโครซอฟท์เผยแพร่ผลงานวิจัย IoT Signals ชี้การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ ความยุ่งยากซับซ้อน และความกังวลด้านความปลอดภัย เป็นอุปสรรคสำคัญของการใช้งาน IoT
– แสดงความมุ่งมั่นในการปลดล็อคปัญหาเรื่องการขาดแคลนทักษะ, ความยุ่งยากซับซ้อน และเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น
ไมโครซอฟท์ คอร์ป ประกาศเปิดตัว IoT Signals ซึ่งเป็นผลงานวิจัยฉบับใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อเผยให้เห็นภาพรวมการใช้งานเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ทั่วโลก จากการสำรวจความเห็นของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้าน IoT ในองค์กรธุรกิจมากกว่า 3,000 แห่ง เกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อระบบนิเวศ IoT ทั้งในแง่ของระดับการยอมรับ, แนวโน้มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง, ปัญหาและความท้าทาย ตลอดจนผลประโยชน์ที่ได้มาจากการใช้งาน IoT ตั้งแต่ในระดับตลาดไปจนถึงขั้นอุตสาหกรรมแบบองค์รวม โดยผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าการประยุกต์ใช้ IoT ในภาคอุตสาหกรรมนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากที่เชื่อว่ารายได้ 30% ของบริษัทพวกเขาในอีก 2 ปีจากนี้จะมาจาก IoT แต่กระนั้น อุตสาหกรรมก็ยังต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนทักษะด้าน IoT รวมถึงเรื่องของความซับซ้อนในการใช้งาน และปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งถูกมองว่าอาจกระทบต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหากไม่ได้รับการแก้ไขให้หมดไป
“IoT กำลังเข้ามาผลิกโฉมธุรกิจในทุกภาคอุตสาหกรรมและเป็นแรงขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางนวัตกรรม” คุณแซม จอร์จ หัวหน้าธุรกิจ Azure IoT กล่าว “งานวิจัยของเราได้แสดงให้เห็นว่าการที่จะปลดล็อค IoT ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพนั้น ต้องอาศัยการแก้ปัญหาที่สำคัญ ๆ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การขาดแคลนทักษะความสามารถ, ความวิตกกังวลในด้านความปลอดภัย หรือแม้แต่ความซับซ้อนในการใช้งานโซลูชั่น และไมโครซอฟท์เองก็กำลังเป็นผู้นำในการทำให้ IoT สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นและมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ทุกธุรกิจบนโลกนี้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างแท้จริง”
การค้นพบสำคัญในรายงาน IoT Signals:
– ผู้ตอบแบบสำรวจ 85% ได้นำเอาเทคโนโลยี IoT ประยุกต์ใช้ และ 3 ใน 4 ของจำนวนนั้นก็กำลังวางแผนโครงการด้าน IoT กันอยู่
– ผู้ตอบแบบสำรวจที่มีการใช้งาน IoT 88% เชื่อว่า IoT มีส่วนสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ
– ผู้ตอบแบบสำรวจที่มีการใช้งาน IoT มองว่า พวกเขาจะมีผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 30% อันเป็นผลมาจากการลดค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นในอีก 2 ปีจากนี้
– ผู้ตอบแบบสำรวจที่มีการใช้งาน IoT เกือบทั้งหมด (97%) ยอมรับว่า พวกเขามีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในขณะใช้งาน IoT แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานแต่อย่างใด
– ผู้ตอบแบบสำรวจที่มีการใช้งาน IoT 38% ระบุว่า ความยุ่งยากซับซ้อนและปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน IoTจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน IoT ในอนาคต
– ผู้ตอบแบบสำรวจครึ่งหนึ่งที่มีการใช้งาน IoT กล่าวว่า พวกเขาต้องเผชิญความยากลำยากจากการขาดแคลนผู้มีความสามารถและการฝึกอบรม ขณะที่ 47% ระบุว่าแรงงานที่มีทักษะยังคงอยู่ในประมาณที่ไม่เพียงพอ
– ผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่า เทคโนโลยีสำคัญที่จะผลักดันความสำเร็จของ IoT ในอีก 2 ปีข้างหน้าคือ AI, edge computing และ 5G
– โครงการเกือบ 1 ใน 3 (30%) ต้องพบกับความผิดพลาดในขั้นตอนของการพิสูจน์แนวคิด ซึ่งส่วนมากเป็นเพราะการนำไปปฏิบัติจริงนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และผลประโยชน์ที่ได้มาก็ยังคงไม่ชัดเจน
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์ IoT ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถนำคลาวด์อัจฉริยะมาใช้กับระบบเอดจ์ เพื่อสร้างโซลูชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนและตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของบริษัทได้ ” IDC ได้คาดการณ์ในรายงาน Worldwide Global DataSphere IoT Devices and Data Forecast ว่า จะมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT มากถึง 4.16 หมื่นล้านเครื่องภายในปี 2568 หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ 8.9%” คุณแคร์รี่ย์ แมคกิลลิฟเรย์ รองประธานกลุ่มธุรกิจ IoT, 5G และ Mobility ของ IDC กล่าว “ในขณะที่ตลาดกำลังเติบโต การเพิ่มขึ้นของ IoT ได้กลายมาเป็นโครงสร้างที่ช่วยเปลี่ยนแปลงข้อมูลจาก ‘สิ่งของ’มาเป็นผู้คนและกระบวนการ และข้อมูลก็กลายเป็นสิ่งที่มีร่วมกัน เนื่องจากมันถูกเก็บรวมรวบ ประมวลผล และนำมาใช้ ตั้งแต่ขอบเขตที่ใกล้ที่สุดไปจนถึงไกลสุดของเครือข่ายเพื่อสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรม รัฐบาล และชีวิตผู้คน”
ลูกค้าชั้นนำทั้งในระดับองค์กรและระดับโลกทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Starbucks, Chevron, Buehler AG, Steelcase, thyssenkrupp และอีกมาก ต่างก็กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจของตัวเองด้วย IoT และโซลูชั่น Intelligent Edge ในการเป็นพันธมิตรกับ BCG Group ไมโครซอฟท์จึงได้ระบุกุญแจสำคัญ 7 ประการเพื่อความสำเร็จในด้าน IoT เอาไว้ ได้แก่ กลยุทธ์ทางธุรกิจ ความเป็นผู้นำและการจัดการ แผนงานด้านเทคโนโลยี ทักษะ การดำเนินการและกระบวนการทางธุรกิจหลัก ความเป็นพันธมิตร และความปลอดภัย
เพื่อต่อยอดความสำเร็จของลูกค้าและพันธมิตร ไมโครซอฟท์ได้ทุ่มเงินลงทุนมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบนิเวศ IoT และ Intelligent Edge ไปจนถึงปี 2565 โดยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บริษัทได้เพิ่มฟีเจอร์และบริการใหม่ ๆ มาแล้วมากกว่า 100 รายการ อีกทั้งยังประกาศเป็นพันธมิตรด้าน IoT กับองค์กรใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นถึง 70 ราย นอกจากนี้ ยังมีระบบนิเวศของพันธมิตร IoT และ Intelligent Edge อยู่ในเครืออีกกว่า 10,000 แห่งที่คอยมอบความช่วยเหลือในการปรับตัวสู่ IoT ให้กับลูกค้าทุกระดับ
เกี่ยวกับ ไมโครซอฟท์
ไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT” @microsoft) เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิรูปด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ในโลกแห่งอัจฉริยะภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ที่ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงถึงกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นกำลังสำคัญให้ทุกคนและทุกองค์กรทั่วทุกมุมโลกได้บรรลุผลสำเร็จที่ดียิ่งกว่า
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/24227/microsoft_corp_logo226_9217jpg.jpg
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ : สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ข่าวสาร และมุมมองทัศนะจากไมโครซอฟท์ สามารถดูได้จาก Microsoft News Center ที่ http://news.microsoft.com โดยลิงค์ หมายเลขโทรศัพท์ และหัวข้อต่าง ๆ นั้น ถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่ แต่อาจมีอาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต สำหรับผู้สื่อข่าวและนักวิเคราะห์ที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ Rapid Response Team ของไมโครซอฟท์ หรือช่องทางติดต่ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้ใน http://news.microsoft.com/microsoft-public-relations-contacts.