ไทยสมายล์ เปิดเที่ยวบินสู่อินเดียล่าสุด กรุงเทพฯ-อาห์เมดาบัด บินตรงแบบเอ็กซ์คลูซีฟ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ชวนคนไทยสัมผัสเสน่ห์แดนภารตะ ด้วยการบริการแบบฟูลเซอร์วิสมาตรฐานระดับโลก
ไทยสมายล์ เดินหน้าขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศพร้อมรุกตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ – อาห์เมดาบัด ตอกย้ำมาตรฐานการบินและบริการยอดเยี่ยมระดับโลก และทำการบินเชื่อมต่อกับการบินไทยอย่างไร้รอยต่อ เปิดมุมมองใหม่ให้นักท่องเที่ยวไทยสู่เมืองมรดกด้านวัฒนธรรมของโลก อดีตเมืองหลวงของรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารชาวอินเดียให้สัมผัสประสบการณ์ความสะดวกสบายเหนือระดับกับการบริการแบบฟูลเซอร์วิส และเชื่อมต่อการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆ ในไทยได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมให้บริการเที่ยวบินแรก 28 ตุลาคม นี้ โดยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สู่ท่าอากาศยานนานาชาติอาห์เมดาบัด เมืองอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน (จันทร์,พุธ, พฤหัสบดีและ ศุกร์) ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจด้านการขยายเส้นทางบิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เส้นทางบินกรุงเทพ-อาห์เมดาบัดให้บริการแก่ผู้โดยสารใน 2 ชั้นโดยสาร ได้แก่ สมายล์พลัส (ชั้นประหยัดพิเศษ) และสมายล์คลาส (ชั้นประหยัด) ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายจากบริการอาหารบนเครื่อง บริการจองที่นั่งล่วงหน้า และบริการฟรีน้ำหนักกระเป๋าสูงสุด 40 กิโลกรัม และการสะสมคะแนน Royal Orchid สำหรับชั้นสมายล์พลัส โดยสายการบินไทยสมายล์ขอเสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษในโอกาสเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-อาห์เมดาบัด (BKK-AMD) ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 3,735 บาท/ท่าน/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว) เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป เปิดทำการจองที่นั่งล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สนใจสำรองที่นั่งได้ที่เว็บไซต์ www.thaismileair.com , ศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) โทร. 1181 หรือ 0-2118-8888, ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารไทยสมายล์ (Smile Service Center) และตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารไทยสมายล์ (Smile Travel Agents) ทั่วประเทศ
นางชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยสมายล์ได้ดำเนินการขยายเส้นทางบินและเพิ่มเที่ยวบินสู่ประเทศอินเดียมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไทยสมายล์มีเที่ยวบินตรงสู่เมืองต่างๆ ในอินเดีย รวม 7 เส้นทาง ได้แก่ คยา, พาราณสี, ชัยปุระ, ลัคเนา มุมไบ กัลกัตตาและอาห์เมดาบัด ประมาณ 38 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ภายในปี 2019 นี้ เรามีการเติบโตด้านจำนวนผู้โดยสารทั้ง inbound และ outbound โดยจำนวน cabin factor เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ เส้นทาง และในบางช่วงของปี 2019 ตัวเลขเพิ่มสูงถึงมากกว่า 85% โดยรวมแล้ว ไทยสมายล์เติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เฉพาะในเส้นทางอินเดีย ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจาก จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าอินเดีย ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว กลุ่มครอบครัวที่มีเครือญาติอยู่ในประเทศไทย หรือแม้แต่กลุ่มคู่รักที่เดินทางมาจัดงานแต่งงานและฮันนีมูนที่ประเทศไทยอีกทั้ง เมืองต่างๆ ในอินเดียที่เราทำการบินนั้น ยังได้รับความสนใจจากชาวไทย เพราะเป็นเส้นทางที่แปลกใหม่ นักเดินทางรุ่นใหม่จึงนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
เที่ยวบินใหม่นี้จะให้บริการแก่ผู้โดยสารในชั้นพรีเมี่ยมอีโคโนมี่ หรือ Smile PLUS 12 ที่นั่ง และชั้นอีโคโนมี่ หรือ Smile Class 150/156 ที่นั่ง โดยเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ที่พร้อมพรั่งไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงในเที่ยวบินที่เหนือกว่า ทั้งยังอิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มเมนูขึ้นชื่อของอินเดียที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อผู้โดยสารโดยเฉพาะ และสำหรับผู้โดยสารที่ชื่นชอบการชอปปิ้งในมหานครแห่งแสงสี ซึ่งเป็นสวรรค์ของนักช้อป อย่างกรุงเทพฯ ก็ยังสามารถจับจ่ายซื้อของมากมายได้อย่างสบายใจ เนื่องจากสายการบินไทยสมายล์ให้น้ำหนักสำหรับสัมภาระถึง 40 กิโลกรัมในชั้นพรีเมี่ยมอีโคโนมี่ หรือ Smile PLUS และ 30 กิโลกรัมในชั้นอีโคโนมี่ หรือ Smile Class นอกจากนั้น ผู้โดยสารชั้นสมายล์พลัสยังสามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษ ของการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรับบริการอาหารว่าง เครื่องดื่มร้อนและเย็น พร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตไวไฟได้ฟรี
“ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นสายการบินที่ได้รับความนิยมสูงสุดของภูมิภาคเอเชีย เราจึงมุ่งเดินหน้าขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ และเพิ่มความถี่สำหรับเที่ยวบินให้มากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร การเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-อาห์เมดาบัดครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในภาคพื้นชมพูทวีปของเรา ซึ่งเรามั่นใจว่า ด้วยชื่อเสียงที่ดีในด้านการมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ จะทำให้สายการบินไทยสมายล์ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอินเดียในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน”