ไทยมั่นใจประกาศก้าวขึ้นสู่คุณภาพฮาลาลระดับเพชร “Thailand Diamond Halal” ใน “งานแสดงสินค้าอาหารฮาลาลนานาชาติที่มาเลเซีย”

0
231
image_pdfimage_printPrint

สร้างความตื่นตาตื่นใจ และสร้างความประทับใจกับผู้ร่วมงานจากทั่วโลก สำหรับนิทรรศการอาหารฮาลาลจากประเทศไทยใน “งานแสดงสินค้าอาหารฮาลาลนานาชาติที่มาเลเซีย ครั้งที่ 11” (MIHAS 2014) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 เมษายน 2557 ณ กัวลาลัมเปอร์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หวังแสดงถึงศักยภาพด้านธุรกิจอุตสาหกรรมธุรกิจฮาลา และคุณภาพมาตรฐานสินค้าฮาลาลไทย เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาหารโลกยกฮาลาลประเทศไทย ให้เป็น “ฮาลาลระดับเพชร” หรือ Thailand Diamond Halal”  ให้เป็นที่ตระหนักรู้และเชื่อมั่นในหมู่ผู้บริโภคชาวมุสลิมในมาเลเซียและจากนานาชาติ

 Pic บูทไทยในงาน MIHAS2014

ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ฮาลาลนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญมากสำหรับโลก โดยแต่ละปีประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทุกประเทศที่ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลนั้น ไทยส่งเข้าสู่กลุ่มประเทศมุสลิมกว่า 57 ประเทศที่เป็นสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามส่งผลให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และหากประสงค์จะขึ้นแท่นสู่อันดับ 1 ไทยได้เร่งพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมสร้างตราสัญลักษณ์ที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวมุสลิมได้จากทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ “Thailand Diamond Halal” หรือ “ฮาลาลระดับเพชรจากประเทศไทย” ทั้งนี้เนื่องจากชาวต่างประเทศต่างเรียกโลโก้ฮาลาลประเทศไทยกันมานานว่า diamond halal อันเนื่องจากตราฮาลาลของไทยมีรูปลักษณ์เป็นเพชร (diamond)

 

“งานแสดงสินค้าอาหารฮาลาลนานาชาติที่มาเลเซีย ครั้งที่ 11” หรือ Malaysia International Halal Showcase (MIHAS 2014) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 เมษายน 2557 ณ กัวลาลัมเปอร์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยนิทรรศการอาหารฮาลาลจากประเทศไทยได้รับความร่วมมือจาก ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย กระทรวงการต่างประเทศ, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อบูรณาการศาสนบัญญัติอิสลามเข้ากับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล ภายใต้แนวทาง “ศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับ” มุ่งหวังผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาหารโลก ในรูปแบบความร่วมมือที่ชื่อว่า “ฮาลาลเพชรจากประเทศไทย” หรือ Thailand Diamond Halal เพื่อแสดงถึงความเป็นที่หนึ่งในโลกของฮาลาลประเทศไทย จากประสบการณ์การรับรองฮาลาลที่ยาวนานกว่า 60 ปี ด้วยมาตรฐานฮาลาลของประเทศ โดยมีเครื่องหมายตรารับรองฮาลาลเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวทั้งประเทศ ทั้งยังเป็นประเทศเดียวที่มีพระราชบัญญัติกำหนดอำนาจหน้าที่ด้านการรับรองกิจการในศาสนาอิสลาม ซึ่งให้องค์กรศาสนาอิสลามตามโครงสร้างไว้อย่างชัดเจน ด้วยกฎหมายที่มุสลิมทั้งประเทศมีส่วนร่วม ตามโครงสร้างของกฎหมาย นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดวิทยาศาสตร์ฮาลาลอีกด้วย

 

 

โดยงาน MIHAS 2014 ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมออกร้าน 563 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 20,000 คน จาก 65 ประเทศทั่วโลก รวมมูลค่าการซื้อขายภายในงานประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งประเทศไทยมีผู้ประกอบการฮาลาลเข้าร่วมออกร้านกว่า 36 ราย ทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ฯลฯ นับว่าเป็นประเทศที่มีผู้เข้าร่วมออกร้านมากที่สุดเป็นอันดับสองในงานรองจากซาอุดีอาระเบียซึ่งมี 42 บูธ ดังที่ ดาโต๊ะ มุสตาปา โมฮาเหม็ด รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม ประเทศมาเลเซีย ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งตอนในพิธีงานว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องเนื้อวัวต้องประเทศออสเตรเลีย เนื้อไก่ต้องบราซิล แต่ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ฮาลาลก็ต้องประเทศไทยเท่านั้น จึงแสดงให้เห็นว่าทั่วโลกให้การยอมรับว่าไทยเป็นอันดับหนึ่งของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลเลยทีเดียว

 

ซึ่งการออกงานในครั้งนี้ ประเทศไทยหวังว่าจะสามารถเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรม และเทคโนโลยีเรื่องฮาลาลประเทศไทยต่อสาธารณชนมาเลเซีย อาเซียนไปจนถึงนานาชาติ เพื่อให้ทั่วโลกให้รับทราบและสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและมาตรฐานสินค้าฮาลาลของประเทศไทย อีกทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์พัฒนาการทางเทคโนโลยี งานวิจัย และศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลของประเทศไทยให้ผู้สนใจที่เข้าร่วมงานได้รับทราบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายการเติบโตการส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลในปี 2557 ได้ถึง 15-20 % และแผนการดำเนินงานในปีนี้ก็จะร่วมแสดงสินค้าฮาลาลในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ เช่น รัสเซีย, ซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิตาลี อีกด้วย ดร.วินัย กล่าวปิดท้าย