โรบินสัน ชูกลยุทธ์ Contactless Payment ลดการสัมผัสเงินสด และบัตรเครดิต ตอบรับ Cashless Society ห่างไกลโควิด-19 คาดลูกค้าหันมาช้อปไร้เงินสดเพิ่มมากขึ้น พร้อมสร้างความมั่นใจกับมาตรการคุมเข้ม 50 สาขา ทั่วประเทศ

0
358
image_pdfimage_printPrint

นายอนุชิต สรรพอาษา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรบินสัน เดินหน้าป้องกัน และสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการชูกลยุทธ์ ‘Contactless Payment’ ที่จะเป็นหัวหอกสำคัญในการรณรงค์เชิญชวนลูกค้าหันมาลดการสัมผัส – จับต้องเงินสด หรือบัตรเครดิต เพื่อป้องกันการรับเชื้อไวรัสดังกล่าวอีกหนึ่งทาง โดยลูกค้าสามารถจับจ่ายผ่าน E-payment ทั้งระบบ Dolfin, Samsung Pay และ Alipay ในห้างสรรพสินค้า รวมทั้งร้านค้าต่างๆ ภายในศูนย์การค้าก็จะมี QR Code ให้ลูกค้าเลือกชำระเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งนี้นอกจากเป็นการป้องกัน และความมั่นใจแก่ลูกค้าแล้ว ยังเป็นการรองรับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมยุค Cashless Society อีกด้วย ซึ่งเรามั่นใจว่าหลังจากนี้ลูกค้าจะหันมาใช้จ่ายผ่าน e-Payment มากขึ้น จากปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องของความสะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการป้องกันตัวเองจากการรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีทางหนึ่ง ทั้งนี้ โรบินสัน ยังมีการทำโปรโมชั่นร่วมกับ Dolfin เมื่อช้อปตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไป และชำระเงินผ่าน Dolfin ที่โรบินสัน รับเงินคืน 100 บาท (จำกัด 1 สิทธิ/ท่าน/เดือน สูงสุด 5,000 สิทธิ/เดือน) ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563

พร้อมตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่นิยมการข้อปออนไลน์ด้วย Robinson Shop Online ช้อปสินค้าแบรนด์ชั้นนำได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมงที่ www.robinson.co.th หรือสะดวกมากขึ้นด้วยการบริการสั่งสินค้าผ่าน Robinson Online และบริการ Robinson Chat & Shop ช้อปกับพนักงานที่รอให้บริการช่วยหาสินค้า เพียงทักแชต ช็อปสินค้า จากนั้นก็รอรับสินค้าที่บ้านได้เลย หรือสามารถเลือกรับสินค้าได้ที่โรบินสันกับบริการ Click & Collect

นอกจากนี้ โรบินสัน ยังมีมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องดังนี้ 1.) เพิ่มจุดติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อล้างมือในจุดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 2.) เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย โดยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ ทุก 2 ชั่วโมง 3.) ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อในลิฟท์โดยสาร และห้องลองเสื้อผ้า ทุก 2 ชั่วโมง 4.) เติมสบู่เหลว และกระดาษชำระในห้องน้ำอย่างเพียงพอตลอดเวลา 5.) ในส่วนห้างสรรพสินค้า (โดยเฉพาะแผนกสินค้าแม่และเด็ก) ให้เพิ่มมาตรการในการทำความสะอาด ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทุก 2 ชั่วโมง 6.) แผนกฟู้ดคอร์ท ให้รักษามาตรการดูแลความสะอาดอย่างเคร่งครัด เน้นย้ำกับทุกร้านค้า คุมเข้มมากขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ใช้เครื่องล้างจาน ที่มีระบบไอน้ำอุณหภูมิสูงและผสมน้ำยาฆ่าเชื้อในการล้างจานชามอยู่แล้ว และทำความสะอาดบัตรฟู้ดคอร์ด ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งก่อนนำไปใช้ใหม่ 7.) ให้ดำเนินการ คัดแยกผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดและมาใช้บริการห้องพยาบาล ออกจากผู้ป่วยอื่นๆ และ 8.) เพิ่มการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เข้าไปในระบบปรับอากาศ ภายในห้างฯ และศูนย์การค้าฯ เพื่อจับมือกันผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย