โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ โดยเอสซีจี เผยเคล็ดลับขับขี่ปลอดภัย รับเทศกาลสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ถือเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้อุบัติเหตุบนท้องถนนเพิ่มสูงขึ้น เกิดการบาดเจ็บ หรือสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ และเมื่อพิจารณาสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงดังกล่าวของปีที่ผ่านมาที่สูงถึงกว่า 3,690 ครั้ง พบว่า “คน” เป็นต้นเหตุอันดับ 1 หรือกว่าร้อยละ 70 ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ล่าสุด โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ (Skills Development School) โดยเอสซีจี จึงสานต่อเจตนารมณ์ภายใต้เครือข่ายความปลอดภัยบนท้องถนน ร่วมรณรงค์ “สงกรานต์เย็นใจ ขับขี่ปลอดภัย” มุ่งแก้สาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน ผ่านการแนะนำเคล็ดลับขับขี่ปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรที่ได้รับการรับรองในระดับสากล การันตีความเชื่อมั่นด้วยผู้ผ่านหลักสูตรแล้วเกือบ 1.2 แสนคน เพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสียในช่วงปีใหม่ไทย
นายชลัช วงศ์สงวน ผู้บริหารโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ โดยเอสซีจี กล่าวว่า โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ โดยเอสซีจี เน้นการเสริมสร้างความรู้ พัฒนาทักษะและศักยภาพด้านการขับขี่ รวมทั้งสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืนให้กับผู้ขับขี่ในทุกสาขาอาชีพ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความห่วงใยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศ โดยแนะนำ 5 เคล็ดลับขับขี่ปลอดภัย สำหรับผู้ที่กำลังจะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ได้แก่
1.) มองไกลไปข้างหน้า เพื่อจะได้สังเกตเห็นอันตรายต่าง ๆ ในทิศทางที่เรากำลังจะไปล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วินาที โดยวิธีการนับนั้น ขณะรถวิ่งให้ผู้ขับขี่มองวัตถุที่อยู่ไกลไปข้างหน้าและนับให้ได้มากกว่า 15 วินาทีก่อนที่รถจะถึงวัตถุนั้น ๆ
2.) มองภาพรอบตัวอยู่เสมอ เช่น ทางร่วมทางแยก เขตชุมชน ป้ายเตือนต่าง ๆ รวมถึงการสังเกตอันตรายต่างๆ รอบรถ จากการมองกระจกทุก ๆ บาน ทุก ๆ 5-8 วินาที
3.) เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการมองเห็นทางข้างหน้าได้ดี และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการชนท้ายรถคันหน้า
4.) ก.ส.ม.ป. ย่อมาจากกระจก สัญญาณ มองข้ามไหล่ และปฏิบัติ เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องทางและเลี้ยวรถได้ทุกครั้ง วิธีปฏิบัติ คือ ผู้ขับขี่ควรมองกระจกเพื่อตรวจสอบรถที่มาจากด้านข้าง จากนั้นให้สัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเตือน ก่อนเปลี่ยนทิศทางให้มองข้ามไหล่เพื่อกำจัดจุดบอด และเมื่อเห็นว่าปลอดภัยค่อยเปลี่ยนทิศทางของรถ
5.) วางตำแหน่งรถให้เหมาะสม ควรรักษาระยะห่างโดยรอบรถเป็นรูปวงรี ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังตลอดเวลาเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นพื้นที่กันไว้สำหรับหลบหลีกในกรณีฉุกเฉิน
“หากผู้ขับขี่ทุกคนช่วยกันปฏิบัติตาม 5 เคล็ดลับดังกล่าว ประกอบกับการขับขี่ด้วยความระมัดระวังและมีสติ ย่อมจะสามารถลดอุบัติเหตุและการสูญเสียบนท้องถนนจากการเดินทางได้เป็นอย่างมากในทุกช่วงเวลาไม่เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น” นายชลัช กล่าว
ด้าน นายแพทย์ ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวถึงการขับขี่ปลอดภัยในช่วงสงกรานต์ว่า การจะขับขี่ปลอดภัยไม่ใช่แค่ขับได้ แต่ต้องขับเป็น ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่าง อย่าง โดยเฉพาะสติในการขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“ถ้าพูดถึงช่วงสงกรานต์ความสูญเสียที่ผ่านมาส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องของมอเตอร์ไซค์ จึงอยากให้ผู้ขับขี่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความเร็ว การสวมหมวกกันน็อค และควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงไม่ควรดื่มของมึนเมาขณะขับขี่ เพราะจะทำให้สมรรถนะในการขับขี่ลดลง และอยากให้ผู้ขับขี่ทุกคนได้มีโอกาสมาเรียนรู้ทักษะการใช้รถใช้ถนนที่ถูกต้องอย่างที่โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ได้เปิดสอนขึ้น”
ปิดท้ายที่ นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวว่า การฝึกอบรมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยของโรงเรียนทักษะพิพัฒน์มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์สำหรับคนขับรถบนท้องถนนอย่างยิ่ง ไม่ใช่เฉพาะแค่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น เพราะทุกวันนี้เรามีการกำหนดนโยบายหรือจัดการโครงสร้างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถ คน ถนน แต่ถ้าจะให้ตอบโจทย์ความปลอดภัยมากที่สุดก็ต้องเป็นการพัฒนาทักษะของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ ซึ่งวันนี้ทักษะของผู้ขับขี่ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเรียนรู้กันเอง ดังนั้น การที่ได้เข้ามาเรียนรู้หลักสูตรของโรงเรียนทักษะพิพัฒน์จึงถือว่าตอบโจทย์มาก ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเลี้ยว การจอด การเลี่ยงการอยู่ในมุมอับหรือจุดบอดของรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมทั้งได้เรียนรู้โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการสูญเสียก่อนว่าการขับขี่ในขณะที่เราอยู่ในความมึนเมาจะเป็นอย่างไร จึงอยากให้ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนได้มีโอกาสผ่านหลักสูตรแบบนี้
“เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่ามีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมากอยู่บนถนน ไม่ใช่มีแค่เราคนเดียว ดังนั้นการขับขี่จึงต้องมีความระมัดระวังตลอดเวลา ควรเลือกใช้ความเร็วที่เหมาะสม ไม่ขับรถเร็วจนเกินไป มีสติ และไม่ดื่มของมึนเมา การขับขี่ในพื้นที่ที่มีการเล่นน้ำก็ควรระวัง ถ้าเป็นเขตเมืองไม่ควรเกิน 30 กม./ชม. เพียงแค่เราใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ก็จะสามารถช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอันจะเกิดแก่ตนเองและผู้อื่นได้อย่างแน่นอนครับ”
ถือได้ว่าเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับทั้งคนและรถ เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และเสียชีวิต เพื่อให้เทศกาลปีใหม่ไทยเป็นเทศกาลแห่งความสุขของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง…