1

โคคา-โคลาลงทุน 180 ล้านบาทใน ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทย

 

buizcocacola

โคคา-โคลาลงทุน 180 ล้านบาทใน ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’

เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทย

ตอกย้ำพันธกิจมุ่งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจและทุกฝ่ายในห่วงโซ่คุณค่าอย่างยั่งยืน 

(จากซ้ายไปขวา) นายพรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด

มร.แอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด

นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน ทีเอ็มบี

นางปริยา จีระพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)

 

  • ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ ที่เปิดตัวในประเทศไทยวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลก ‘5by20’ ที่ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลาจำนวน 5 ล้านคน ภายในปี 2020
  • โครงการในประเทศไทย ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย  กับพันธมิตรจากหน่วยงานรัฐและเอกชนเพื่อฝึกอบรมผู้หญิง 45,000 คนภายในปี พ.ศ.2563 โดยในระยะแรกเน้นพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีก
  • หลักสูตรของโครงการได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในฐานะพันธมิตรจากหน่วยงานรัฐด้วยการมอบวุฒิบัตรร่วมให้ผู้ผ่านการอบรม และอำนวยความสะดวกด้านการจัดเตรียมสถานที่จัดอบรมทั่วประเทศ

 

กรุงเทพฯ, 3 กันยายน 2557– กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัว‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ หรือ ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 180 ล้านบาทภายในระยะเวลา 7 ปี เพื่อพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าหรือแวลูเชนของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา พร้อมตั้งเป้าอบรมเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงจำนวนกว่า 45,000 คน โดยเริ่มจากผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีก เพื่อให้สามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจร้านค้าอย่างยั่งยืน

 

‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลก ‘5by20’ ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลา จำนวน 5 ล้านคน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ภายในปีพ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) โครงการนี้เริ่มต้นในปีพ.ศ. 2553 ที่การประชุมประจำปีของโครงการคลินตัน โกลบอล อินนิชิเอทีฟ และปัจจุบันได้ฝึกอบรมการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงที่เป็นทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบ ซัพพลายเออร์ ผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าปลีก คนเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อไปนำรีไซเคิล และช่างฝีมือที่ใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ของเราในการผลิตชิ้นงาน รวมกว่า 550,000 คนใน 44 ประเทศ ทั่วโลกแล้ว

 

ในประเทศไทย โคคา-โคลาจะทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อันได้แก่ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) อย่างใกล้ชิด โดยในปีนี้จะจัดการฝึกอบรมให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 7,000 คน สำหรับในระยะที่สอง จะมีการขยายหลักสูตรไปสู่ผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่ากลุ่มอื่นๆ อาทิ กลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบ และช่างฝีมือที่ใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ของเราในการผลิตชิ้นงาน เพื่อสร้างการเติบโตให้ห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลาอย่างยั่งยืน

 

หลักสูตรฝึกอบรมประกอบไปด้วย การศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและคู่แข่ง การปรับปรุงการให้บริการ การจัดวางสินค้าและบริหารสินค้าคงเหลือทุกประเภทภายในร้าน ไม่เพียงเฉพาะผลิตภัณฑ์โคคา-โคลาเท่านั้น และรวมถึงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย

 

‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรจากหน่วยงานรัฐและหน่วยงานเอกชนอย่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะที่ปรึกษาหลักสูตรการฝึกยกระดับฝีมือ อำนวยความสะดวกสถานที่ฝึกอบรมทั่วประเทศ และมอบวุฒิบัตรร่วมเพื่อรับรองให้กับผู้ผ่านการอบรมทุกคน ส่วนทีเอ็มบี ทำหน้าที่ฝึกอบรมด้านการวางแผนและบริหารการเงิน อาทิ การทำบัญชีรายรับรายจ่าย

 

มร.แอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โคคา-โคลาพยายามช่วยเหลือพันธมิตรทางธุรกิจและชุมชนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โครงการนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีก ซึ่งเป็นหัวใจหลักในธุรกิจของเรา เรามุ่งมั่นนำเสนอสิ่งดีๆ เพื่อสร้างคุณค่าร่วม รวมถึงการดำเนินธุรกิจแบบได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย”

 

“จากรายงานขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ระบุว่า มูลค่าการใช้จ่ายทั่วโลกที่เกิดจากผู้หญิงสูงถึงกว่า 20 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และผู้หญิงคิดเป็นกำลังแรงงานกว่าร้อยละ 66 ของแรงงานทั่วโลก แต่พวกเขากลับมีรายได้เพียงร้อยละ 10 ของรายได้รวมทั่วโลก ในขณะเดียวกัน กว่าร้อยละ 90 ของรายได้ผู้หญิงจะนำไปใช้จ่ายในครัวเรือนเพื่อความเป็นอยู่ของครอบครัวและสังคม ดังนั้น การเพิ่มศักยภาพของผู้หญิงให้สามารถเพิ่มรายได้จึงถือเป็นการพัฒนาความเป็นอยู่ของสังคมในภาพรวม ในประเทศไทย เราเชื่อว่าโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลาจะสามารถเข้าถึงและสร้างประโยชน์ให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของเราจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไป” มร.แอนโตนิโอกล่าวเสริม

 

นายพรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคคา-โคลาในประเทศไทย นอกจากการผลิตเครื่องดื่มของโคคา-โคลาตามมาตรฐานระดับโลก และกระจายสินค้าไปสู่ลูกค้าทั่วประเทศ เรายังต้องคำนึงถึงพันธมิตรอื่นในห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจของเรา รวมถึงร้านค้าปลีกรายย่อยที่จำหน่ายสินค้าของเราให้กับผู้บริโภค ซึ่งร้านค้าเหล่านี้มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เราดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในประเทศไทย”

 

“ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลาฯ มีลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกรวมกว่า 250,000 ร้านค้า โดยกว่าร้อยละ 60 มีผู้หญิงเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้น การเพิ่มศักยภาพความรู้ทางธุรกิจรอบด้านให้กับคนกลุ่มนี้จะช่วยสร้างคุณค่าร่วมให้กับธุรกิจและสังคม” นายพรวุฒิกล่าว

 

นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า “ร้านค้าปลีกเบ็ดเตล็ดหรือ “โชว์ห่วย” ต่างได้รับผลกระทบจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของร้านค้าสะดวกซื้อและห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หลายร้านมีการปรับ       กลยุทธ์เพื่อให้ดำรงอยู่ได้ แต่ก็มีหลายร้านต้องปิดตัวลงเพราะไม่สามารถปรับตัวได้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เล็งเห็นว่าควรมีการพัฒนาศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบการที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และหากได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนก็คงจะสำเร็จมากยิ่งขึ้น จึงผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจ           โคคา-โคลาในประเทศไทยในโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลาซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสมานฉันท์ของภาครัฐและเอกชน ในการจะขับเคลื่อนกลไกด้านแรงงานให้มีศักยภาพและความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 อีกทั้งยังส่งเสริมบทบาทของสตรีให้มีความโดดเด่น”

 

นางปริยา จีระพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หาดทิพย์ได้เริ่มโครงการนำร่องไปแล้วเมื่อเดือน มิถุนายน ในปี 2557 จนถึงวันนี้มีผู้หญิงที่ผ่านการอบรมแล้วจำนวนกว่า 1,300 คน จาก 5 จังหวัดในภาคใต้  ในภาพรวม ผู้ผ่านการอบรมต่างรู้สึกพึงพอใจและมีผลตอบรับที่ดีต่อโครงการ โดยเห็นว่าหลักสูตรของโครงการออกแบบมาเพื่อให้พวกเขาสามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้จริง เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภครายบุคคล เพื่อสร้างจุดขายให้โดดเด่นและตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ร้านค้าของตนสามารถดำเนินธุรกิจได้อยู่บนผลกำไร”

 

นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ความสามารถในการวางแผนและบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพคือหนึ่งในหัวใจหลักของความสำเร็จในธุรกิจ เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา โดยทีเอ็มบีได้เริ่มฝึกอบรมการวางแผนและบริหารการเงินให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีกในภาคใต้ไปแล้ว เรามอบหมายให้ผู้จัดการภาคและผู้จัดการเขตพัฒนาธุรกิจ SME ในภาคใต้เป็นผู้พูดคุยให้ความรู้ ผ่านหลักสูตรตั้งแต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเบื้องต้น สร้างความเข้าใจในรูปแบบของกระแสเงินสดและความต้องการทางการเงินภายในร้านค้าปลีกของตนเอง ไปจนถึงการเตรียมตัวขอสินเชื่อธุรกิจ และการใช้สินเชื่อให้ถูกประเภท ด้วยมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจของร้านค้ารายย่อย ที่สามารถเติบโตไปเป็นผู้ประกอบการ SME ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”

 

###

 

 

เกี่ยวกับโครงการ 5by20

โครงการ 5by20 เป็นพันธกิจระดับโลกของโคคา-โคลาที่มุ่งเพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของ          โคคา-โคลาจำนวน 5 ล้านคนภายในปีค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ผู้หญิงทั่วโลกล้วนมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่าของ        โคคา-โคลา จากแนวคิดนี้ เราจึงได้ริเริ่มโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลา เริ่มตั้งแต่ชาวสวนผลไม้ ไปจนถึงช่างฝีมือ ภายใต้โครงการ 5by20 โคคา-โคลาพยายามตอบโจทย์ปัญหาทางธุรกิจที่ผู้หญิงส่วนใหญ่พบเจอ โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ทักษะในการดำเนินธุรกิจ การวางแผนด้านการเงิน และมีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมอาชีพหรือผู้ให้คำปรึกษา รวมถึงมอบความมั่นใจในการทำธุรกิจอย่างประสบความสำเร็จแก่พวกเขา

 

กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะเจ้าของแบรนด์ รับผิดชอบกิจกรรมตลาด และสองพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่าย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด รับผิดชอบ 62 จังหวัดทั่วประเทศ และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบใน 14 จังหวัดภาคใต้ ผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทยได้แก่ โค้ก, โค้ก ซีโร่, โค้ก ไลท์, แฟนต้า, สไปร์ท, ชเวปปส์, รูทเบียร์ เอแอนด์ดับบลิว  รวมถึงน้ำผลไม้มินิทเมด สแปลช มินิทเมด พัลพิ  มินิทเมด     นิวทริบู๊สท์ เครื่องดื่มสมุนไพร ฮาบุ และ  น้ำดื่มน้ำทิพย์