แอร์รถแพง!! รักษาแอร์รถยนต์ยังไงให้ยืดอายุการใช้งานได้นาน

0
564
image_pdfimage_printPrint

DA-BLOG-TIPS-FOR-SEP-02

งานเข้าสินะ เวลารถ หรือ ชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใดส่วนหนึ่งพัง เพราะมันแพงสะเทือนใจเจ้าของรถเหลือเกิน อย่างเรื่องแอร์ก็เหมือนกัน เรารู้กันดีว่าเปลี่ยนแอร์รถยนต์แต่ละที พี่จะร้องไห้ แพงเหลือเกิน และยิ่งอากาศเมืองไทยมันร้อนม๊ากกก..มาก แอร์รถยนต์เลยเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เปิดมันเข้าไป ยิ่งร้อน ยิ่งเปิด ยิ่งใช้งาน ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการพังง่ายๆ เราเลยมี 10 เคล็ดลับดูแล รักษาแอร์รถยนต์ให้ยืดอายุใช้งานได้นานมากขึ้นมาฝากกัน
1. ปิดสวิตซ์ระบบแอร์ทุกครั้งก่อนดับเครื่องยนต์
2. ก่อนจะสตาร์ทเครื่องเช็คดูอีกครั้งว่า สวิตซ์แอร์อยู่ในตำแหน่งปิด หรือปิดไว้หรือยัง ถ้าบังเอิญลืมปิดจริงๆ ให้หมุนปิดก่อน แล้วค่อยสตาร์ทเครื่องรถยนต์ จากนั้น ก็เปิดพัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อนเพื่อไล่ความร้อนออก หรือ เปิดกระจกรถลงเล็กน้อย เพื่อช่วยระบายอากาศอีกทางหนึ่ง เมื่อเครื่องรถยนต์พร้อมใช้งาน จึงค่อยเปิดสวิตซ์แอร์ (A/C) ให้ทำความเย็นตามปกติ พร้อมกับปรับแรงพัดลมตามความเหมาะสมของอากาศบ้านเรา
3. ไม่ควรปรับแอร์ที่อุณหภูมิเย็นสูงสุดตลอดเวลานะคะ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักเกินไป ควรมีจังหวะสลับลดระดับความเย็นมาก-น้อยบ้างค่ะ
4. เมื่อเปิดแอร์ไม่ควรเปิดกระจกรถ เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ต้องทำงานหนัก ถ้าจำเป็นต้องเปิดกระจกรถจริงๆ ก็ให้ปิดสวิตซ์แอร์ (A/C) ก่อนค่ะ เวลาเปิดกระจกทุกครั้งระวังเรื่องของฝุ่นที่จะปลิวเข้ามาอุดตันในตู้แอร์แล้วแอร์ก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น พังง่ายขึ้นไปอีกค่ะ
5. หมั่นเช็คระยะเพื่อล้างตู้แอร์ที่ประมาณ 20,000 กม. แล้วไปให้ช่างดูแลให้นะคะ
6. ตัวกรองอากาศ ควรตรวจเช็คทุกๆ 2,000 – 5,000 กิโลเมตร หรือขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย และเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 20,000 กิโลเมตร การดูแลทำความสะอาดตัวกรองอากาศ วิธีการคือเป่าเอาสิ่งสกปรกออก โดยให้เป่าลมจากด้านตรงกันข้ามกับที่ฝุ่นเกาะอยู่จนหมด ถ้าเป็นกรองสแตนเลส สามารถล้างด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ก่อนใช้ลมเป่าหรือตากให้แห้ง ถ้าเป็นกรองเปียกให้ทำล้างด้วยน้ำมันเบนซิน แล้วบีบให้แห้ง แต่อย่าบิดเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ตัวกรองฉีกขาด แล้วชโลมด้วยน้ำมันเครื่องใหม่
7. เรื่องน้ำหอมปรับอากาศ/สเปรย์ปรับอากาศ ให้ระมัดระวังเช่นกัน เพราะไอระเหยของสารในน้ำหอม จะหมุนเวียนภายในรถ แล้วถูกดูดเข้าไปในระบบทำความเย็น เกิดการสะสมของสารเหล่านี้ กลายเป็นเยลหรือเมือก ที่จะผสมกับฝุ่นละอองเข้าไปที่ตัวกรองแอร์และรังผึ้งแอร์ ส่งผลให้เกิดการอุดตันและผุพัง แล้วระบบทำความเย็นก็จะเสียหายตามมาเร็วมากขึ้นค่ะ
8. ว่าด้วยแมลง และฝุ่นละออง เวลาที่รถวิ่งมักจะมีฝุ่นละออง เศษแมลงมาอุดตันที่แผงแอร์ ควรล้างทำความซะอาด โดยใช้น้ำฉีดล้างภายนอก หรือซื้อน้ำยาล้างแผงแอร์มาทำเองก็ได้ ถ้าล้างไม่เป็น แนะนำจ้างช่างแอร์ที่ชำนาญกว่าทำให้ดีกว่าค่ะ
9. น้ำยาแอร์ ปกติต้องเติมทุกๆ 2 ปีนะคะ แต่ในระหว่างนั้นก็ควรเช็คระดับน้ำยาแอร์บ้างว่าเหลือแค่ไหน น้ำยาแอร์ที่ใช้ในรถยนต์มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ Refrigerant 12 (R-12) และ Refrigerant 134a (R134a) ซึ่งทั้งสองชนิดนั้นไม่สามารถใช้ด้วยกันได้ ก่อนเติมควรเช็คด้วยว่ารถของคุณใช้น้ำยาแอร์รุ่นไหน (ท่อน้ำยาแอร์จะอยู่ตรงกรองแอร์ แถวๆ บริเวณแผงระบายความร้อนทางด้านหน้ารถ)
10. แอร์รั่ว ต้องรู้! ควรการสังเกตว่าแอร์รถรั่วหรือเปล่า ต่อจากข้อ 9 ว่าด้วยระดับน้ำยาแอร์ บางทีน้ำยาลดต่ำ ไม่ใช่ตามระยะการใช้งานแต่อาจเป็นท่อแอร์รั่ว ดูได้จากน้ำที่ซึมออกนวมแอร์ หรือคราบสกปรกในบริเวณต่างๆ ที่ใกล้กับท่อแอร์ ต้องรีบให้ช่างมาดู
ลองนำไปใช้ประโยชน์ดูได้นะคะ เพื่อยืดอายุการทำงานของแอร์ในรถยนต์ของคุณให้ได้ใช้นานๆ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ซ่อมบ่อยๆ หรือซื้อแอร์มาเปลี่ยนใหม่ให้เปลือง เป็นการประหยัดได้อีกทาง