กรุงเทพมหานคร – แลนเซสส์ (LANXESS) บริษัทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษประกาศความสำเร็จในการดำเนินงานของปีการเงิน 2019 แม้จะเผชิญสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน โดย EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้น 3.3 เปอร์เซ็นต์เป็น 1.019 พันล้านยูโร ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่าง 1 พันล้านยูโรถึง 1.05 พันล้านยูโรตามที่ได้เคยแจ้งการประมาณการณ์ไว้ ส่วนปีการเงิน 2018 ที่ผ่านมาบริษัทมี EBITDA ที่ 986 ล้านยูโร
สำหรับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นของกลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) กลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งชนิดพิเศษ (Specialty Additives) และกลุ่มธุรกิจสารเคมีประสิทธิภาพสูง (Performance Chemicals) เข้ามาชดเชยรายได้ที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลง และได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้เปรียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติของทั้งปีสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทเทียบกับ 14.4 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว
“ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากในปี 2019 เราต้องยืนหยัดสู้กับการทดสอบจริงเป็นครั้งแรกหลังจากการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ แต่แลนเซสส์กลับสามารถทำกำไรได้มากขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าเดิม” คุณแมตเธียส แซกเชิร์ต (Matthias Zachert) ประธานคณะผู้บริหารของ LANXESS AG กล่าว “ แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้เรายังสามารถเพิ่มอัตรากำไรของเราจนสร้างสถิติใหม่และสร้างความแข็งแกร่งให้ฐานทางการเงินของเรา สำหรับโครงการการเติบโตใหม่ในปี 2020 เราจะทุ่มเทให้กับธุรกิจในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภคที่มีอัตรากำไรสูงและแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะในตลาดเทคโนโลยีแบตเตอรี่”
ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2562 หน่วยธุรกิจเครื่องหนัง (Leather Business) ถูกยกเลิกการดำเนินงานอย่างเป็นทางการ โดยยอดขายและกำไรจากการดำเนินงานและตัวเลขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันของหน่วยธุรกิจนี้จะได้รับการปรับปรุงใหม่ในรายงานทางการเงินของปีก่อนแล้ว ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับองค์กรเชิงกลยุทธ์ บริษัทมีความตั้งใจที่จะขายหน่วยธุรกิจนี้ นอกจากนี้แลนเซสส์ยังได้จำหน่ายธุรกิจเคมีภัณฑ์โครเมี่ยมและผลประโยชน์จากเหมืองแร่โครเมี่ยมออกไปแล้วในปี 2019 (พ.ศ. 2562)
สำหรับยอดขายทั้งกลุ่มแลนเซสส์อยู่ที่ 6.802 พันล้านยูโร ซึ่งตัวเลขใกล้เคียงกับปีที่แล้ว (6.824 พันล้านยูโร) ส่วนรายได้สุทธิจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 240 ล้านยูโร ลดลง 14.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 282 ล้านยูโร เนื่องจากมีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษในการปรับองค์กรธุรกิจเคมีโลหอินทรีย์ (Organometallics)
เพิ่มปันผลให้ผู้ถือหุ้น
ในปีการเงิน 2019 ผู้ถือหุ้นของแลนเซสส์จะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยคณะกรรมการฝ่ายจัดการและกำกับดูแลจะเสนอเงินปันผลที่ 0.95 ยูโรต่อหุ้นในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 6%
กลุ่มธุรกิจใหม่ : กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection)
ในแผนการเติบโตทางธุรกิจ แลนเซสส์จะมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภคให้มากขึ้น ดังนั้นจึงปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ให้มีผลในทันที โดยรวมหน่วยธุรกิจซอลทิโก (Saltigo), หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีผลิตของเหลวให้บริสุทธิ์ (Liquid Purification Technologies) และหน่วยธุรกิจวัสดุเพื่อการป้องกัน (Material Protection Products) เข้าเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ในชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มนี้จะรวมถึงส่วนผสมที่ใช้งานสำหรับอุตสาหกรรมการเกษตรและยาสำหรับยาไล่แมลงและยาฆ่าเชื้อรวมถึงเทคโนโลยีสำหรับการแปรรูปและการทำความสะอาดน้ำ
“กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภคของเรานั้นโดดเด่นด้วยอัตราการเติบโตที่มีความมั่นคงและน่าสนใจ ในขณะเดียวกันเรามีความเชี่ยวชาญอย่างยาวนานหลายปีในตลาดที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดนี้ ทำให้เราได้เปรียบทางการแข่งขันค่อนข้างสูง” คุณแมตเธียส แซกเชิร์ตกล่าว
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภคจะเข้ามาแทนที่กลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) ในเวลาเดียวกันหน่วยธุรกิจผงสีอนินทรีย์ (Inorganic Pigments) จะถูกย้ายไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) โดยรายงานทางการเงินจะถูกปรับให้เหมาะสมตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีการเงิน 2020 (พ.ศ.2563)
โครงการลิเทียม : การทดสอบโรงงานนำร่อง
สำหรับโครงการจัดตั้งโรงงานสกัดลิเทียมคุณภาพสำหรับแบตเตอรี่ (Battery-grade Lithium) ในเชิงพาณิชย์ที่เมืองเอลโดราโด มลรัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแลนเซสส์เป็นผู้ริเริ่ม โดยร่วมทำงานกับพาร์ทเนอร์ได้แก่บริษัท สแตนดาร์ดลิเทียม ที่นี่แลนเซสส์มีโรงงานผลิตโบรมีนอยู่แล้ว 3 แห่ง ซึ่งโบรมีนนี้ได้มาจากการสกัดน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของลิเทียมอยู่ด้วย โดยบริษัทสแตนดาร์ดลิเทียมได้พัฒนากรรมวิธีใหม่ที่เป็นนวัตกรรมในการสกัดลิเทียมให้มีความบริสุทธิ์สูงโดยตรงจากน้ำเกลือ การตั้งโรงงานนำร่องที่นี่เริ่มดำเนินการและควบคุมการทดสอบเมื่อต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ขณะนี้มีความก้าวหน้าค่อนข้างมาก แลนเซสส์คาดว่าจะประเมินความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีครั้งแรกภายในกลางปี 2563
ภาพรวมปีการเงิน 2020 : การดำเนินงานค่อนข้างมีเสถียรภาพ แต่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) บ้าง
แลนเซสส์ได้คาดการณ์ว่าในปีการเงิน 2020 การดำเนินธุรกิจจะยังคงมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยรวมทั้งปีประมาณ 50 ล้านยูโรถึง 100 ล้านยูโรต่อปี แลนเซสส์จึงคาดว่า EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติจะอยู่ที่ประมาณ 900 ล้านยูโรถึง 1 พันล้านยูโร โดยไตรมาสแรกของปี 2020 แลนเซสส์ได้คาดการณ์ว่าบริษัทน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ประมาณ 20 ล้านยูโร