กรุงเทพมหานคร,วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562 – แลนเซสส์ (LANXESS) ผู้นำในตลาดเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษได้กำหนดเป้าหมายความมุ่งมั่นของตนที่จะช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศ โดยภายในปี พ.ศ.2583 (ค.ศ.2040) กลุ่มแลนเซสส์ตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศ (climate neutral) และจะกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในปริมาณเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) ลงประมาณ 3.2 ล้านตันของระดับปัจจุบัน โดยภายในปี พ.ศ.2573 (ค.ศ.2030) แลนเซสส์จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ถึง 50% ของเป้าดังกล่าวซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.6 ล้านตันของระดับปัจจุบัน
“ภายใต้ข้อตกลงปารีส ชุมชนโลกตัดสินใจที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนลงให้น้อยกว่าสององศา โดยต้องใช้ความพยายามอย่างมากจากทุก ๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ด้วยเป้าหมายของเราในการบรรลุความเป็นกลางทางภูมิอากาศภายในปี พ.ศ.2583 (ค.ศ.2040) เราได้ปฏิบัติตามความรับผิดชอบของเราในฐานะบริษัทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษระดับโลก ในขณะเดียวกันเราจะเป็นพันธมิตรที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าของเราในอนาคต” กล่าวโดยคุณแมทเธียส ซาเชิร์ต (Matthias Zachert) ประธานกรรมการบริหารของ LANXESS AG คุณซาเชิร์ตยังเน้นถึงการประหยัดต้นทุนในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยกล่าวว่า “การปกป้องสภาพภูมิอากาศเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของเรา”
ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แลนเซสส์ (LANXESS) ใช้แนวทางยุทธศาสตร์แบบสามประสานเพื่อให้บรรลุความเป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศในปี พ.ศ.2583 (ค.ศ.2040)
– เปิดตัวโครงการที่ส่งผลกระทบอย่างสำคัญสำหรับการป้องกันสภาพภูมิอากาศ:
ในช่วง 2-3 ปีต่อไปนี้แลนเซสส์จะดำเนินโครงการพิเศษเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกลงให้ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่นปัจจุบันกลุ่มแลนเซสส์กำลังสร้างโรงงานสำหรับการสลายก๊าซไนตรัสออกไซด์ (nitrous oxide) ขึ้นที่เมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) ประเทศเบลเยียม โรงงานแห่งใหม่จะเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ.2563 (ค.ศ.2020) และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละปีลงประมาณเทียบเท่า 150,000 ตันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หลังจากนั้นจะมีการขยายโรงงานครั้งที่สองในปี พ.ศ.2566 (ค.ศ.2023) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์อีก 300,000 ตัน
นอกจากนี้แลนเซสส์กำลังเปลี่ยนแหล่งพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในโรงงานในประเทศอินเดียให้เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน กลุ่มบริษัทกำลังขยายการจัดหาพลังงานชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์อย่างเข้มข้นและยกเลิกการใช้ถ่านหินหรือก๊าซในอนาคต มาตรการนี้จะช่วยลดการปล่อย CO2e อีก 150,000 ตันเป็นต้นไปจากปี พ.ศ.2567 (ค.ศ.2024) ภายใต้โครงการเหล่านี้และมาตรการอื่น ๆ ของแลนเซสส์จะช่วยลดการปล่อย CO2e ลงทั้งหมด 800,000 ตันในปี พ.ศ.2568 (ค.ศ.2025) ด้วยการลงทุนสูงถึง 100 ล้านยูโรไปในกระบวนการนี้
– การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเติบโตทางธุรกิจต้องไม่ควบคู่ไปด้วยกันอีกต่อไป:
แลนเซสส์อยู่ในช่วงกำลังเติบโตทางธุรกิจ แต่ถึงแม้จะมีการผลิตเพิ่มขึ้น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่หน่วยธุรกิจกลับจะต้องลดลง นอกเหนือจากประสิทธิภาพทางเทคโนโลยีแล้วการเปลี่ยนแปลงของเครื่องมือการกำกับดูแลก็มีบทบาทด้วย โดยเฉพาะในเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ของบริษัทจะถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดการลงทุนสำหรับการเติบโตจากภายใน (organic growth) และการเข้าซื้อกิจการอื่น (acquisitions) มาตรการนี้จะช่วยทำให้หน่วยธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากกว่าค่าเฉลี่ยจะมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ดีกว่า เนื่องจากมีผลต่อเรื่องทางการเงินโดยตรงด้วย ยิ่งกว่านั้นการลด CO2e จะถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์การประเมินในระบบการให้โบนัสสำหรับผู้บริหารอีกด้วย
– เสริมสร้างกระบวนการและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี:
แลนเซสส์กำลังปรับปรุงกระบวนการผลิตทั้งหลายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นกระบวนการผลิตที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศภายในปี พ.ศ.2583 (ค.ศ.2040) ตัวอย่างเช่นกลุ่มจะดำเนินการปรับปรุง Verbund structures โดยเฉพาะในเรื่องการแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างโรงงานและระบบการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ กระบวนการอื่น ๆ จะต้องได้รับการพัฒนาในระดับอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรกเช่นกัน กลุ่มแลนเซสส์จึงมุ่งเน้นการวิจัยอย่างใกล้ชิดต่อกระบวนการที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
การเป็นกลางทางภูมิอากาศต้องการการสนับสนุนทางการเมือง
แลนเซสส์ (LANXESS) มุ่งมั่นที่จะทำตามข้อตกลงปารีส (Paris agreement) โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คุณซาเชิร์ตเชื่อว่าอุตสาหกรรมและรัฐบาลต่างมีความรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องนี้: “ด้วยโครงการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมของเรา เรากำลังทำข้อเสนอให้ผู้กำหนดนโยบาย อย่างไรก็ตามเราจะสามารถทำสิ่งนี้ให้บรรลุผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีการวางนโยบายที่จะสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสนับสนุนเท่านั้น” เมื่อพิจารณาถึงกระบวนการทางกฎหมายในปัจจุบันที่จะประกาศใช้กฎเกณฑ์ปกป้องสภาพภูมิอากาศ (climate package) ของรัฐบาลเยอรมนี คุณซาเชิร์ตกล่าวว่า “ความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมจะต้องไม่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของเราลดลง รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เมื่อออกแบบกฎเกณฑ์เฉพาะขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการปกป้องสภาพภูมิอากาศ”
โดยเฉพาะเจาะจง คุณซาเชิร์ตเน้นความสำคัญของการหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระให้เอกชนเป็นสองเท่าในอุตสาหกรรมภายใต้ระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในยุโรป ( the working European emissions trading) ที่ใช้ทำงานอยู่ในประเทศต่าง ๆ ยังเป็นเรื่องยุ่งยากโดยเฉพาะการเรียกเก็บเงินในระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแห่งชาติสำหรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน “ในระยะสั้นเราต้องกลับสู่ราคาพลังงานที่แข่งขันได้ ส่วนในระยะยาวเราจะสามารถสร้างแนวทางส่งเสริมสภาพภูมิอากาศที่เป็นกลางได้อย่างยั่งยืนก็ต่อเมื่อมีพลังงานหมุนเวียนที่เพียงพอในราคาที่สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้”
ขั้นตอนในการขออนุมัติจะต้องทำให้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น และโครงสร้างทางการเงินและภาษีสำหรับการลงทุนในอนาคตจะต้องได้รับการปรับปรุง “เรามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลกับผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้และยินดีที่จะใช้ความเชี่ยวชาญของเราเพื่อสนับสนุนกระบวนการตัดสินใจทางการเมืองเกี่ยวกับเรื่องนี้” คุณซาเชิร์ตกล่าว
ลดก๊าซเรือนกระจกลงได้แล้วถึง 50 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่การก่อตั้งแลนเซสส์ขึ้นมา
นับตั้งแต่ก่อตั้งแลนเซสส์ขึ้นมา มีความก้าวหน้าอย่างมากในเป้าหมายที่จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยระหว่างปี พ.ศ.2547 (ค.ศ.2004) ถึงปี พ.ศ.2561 (ค.ศ.2018) กลุ่มบริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งของ 6.5 ล้านตันหรือประมาณ 3.2 ล้านตัน ส่วนใหญ่มาจากโรงงานสลายก๊าซไนตรัสออกไซด์ใน Krefeld-Uerdingen ประเทศเยอรมนีซึ่งได้เริ่มดำเนินงานในปี พ.ศ.2552 (ค.ศ.2009) โครงการนี้ได้รับรางวัลหลายรางวัล อย่างเช่นจากการแข่งขัน “365 Landmark in the Land of Ideas” และ “VCI Responsible Care Award North Rhine-Westphalia” บริษัทยังได้ดำเนินงานอีกหลายโครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงงานต่าง ๆ ของตนทั่วโลกและสนับสนุนโครงการริเริ่มในท้องถิ่นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก่อนหน้านี้แลนเซสส์เคยบรรลุเป้าหมายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานร่วมกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และสารระเหยอินทรีย์โดยเฉพาะได้ลงถึงอย่างละ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อปีตั้งแต่ พ.ศ.2558 (ค.ศ.2015) เป็นต้นมา
เพื่อวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานต่าง ๆ ของตน แลนเซสส์ได้พิจารณาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่ได้ให้นิยามไว้ในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) และคำนวณผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ ของตนโดยนำมาเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) บริษัทแลนเซสส์จึงได้นำการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตของตัวเอง (Scope 1) และจากแหล่งพลังงานภายนอก (Scope 2) มาร่วมใช้ในการคำนวณนี้ด้วย
ข้อมูลเบืองต้นเกี่ยวกับแลนเซสส์
แลนเซสส์เป็นบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมสารเคมีชนิดพิเศษ (specialty chemicals) มียอดรายได้รวมกว่า 7.2 พันล้านยูโรในปี พ.ศ. 2561 และมีพนักงาน 15,500 คนอยู่ใน 33 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานทั่วโลกถึง 60 แห่ง ธุรกิจหลักของแลนเซสส์ คือการพัฒนา การผลิต และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต (chemical intermediates) เคมีภัณฑ์เติมแต่ง (additives chemicals) ผลิตภัณฑ์สารเคมีชนิดพิเศษ (specialty chemicals) และพลาสติก แลนเซสส์เป็นบริษัทที่อยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ที่ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI World) และ FTSE4Good
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lanxess.com