“แพนดอร่า” เครื่องประดับอัญมณีแบรนด์ดังสัญชาติเดนมาร์ก เปิดโรงงานแห่งที่ 2 อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดลำพูน
บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับอัญมณีรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์เครื่องประดับชื่อดังสัญชาติเดนมาร์ก “แพนดอร่า”
เปิดโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ สวนอุตสาหกรรมสหพัฒน์ จังหวัดลำพูน โดยเป็นโรงงานที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านความล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ภายในงานได้รับเกียรติจาก มร. พีเดอร์ ทูบอร์ก ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทแพนดอร่า
(ที่ 3 จากขวา) มร.อันเดอร์ส โคลดิ้ง ฟรีส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
(ที่ 3 จากซ้าย) มร. เพียร์ อีนีโวลด์เซ่น ผู้ก่อตั้งแบรนด์แพนดอร่า (กลาง) มร. ลาร์ส เรนซ์ นีลเซน
รองประธานและผู้จัดการทั่วไป โรงงานลำพูน (ที่ 2 จากซ้าย) และนายวีระชัย ภู่เพียงใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน (ที่ 2 จากขวา) ขึ้นกล่าวเปิดงานและตัดริบบิ้น พร้อมด้วยผู้บริหารและนักข่าวจากทั่วโลก
กว่า 40 สำนักร่วมแสดงความยินดี
บรรยายภาพ 7 คน (จากซ้ายไปขวา)
1. มร. โทมัส ทูบอร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ
2. มร. ลาร์ส เรนซ์ นีลเซน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป โรงงานลำพูน
3. มร. อันเดอร์ส โคลดิ้ง ฟรีส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
4. มร. เพียร์ อีนีโวลด์เซ่น ผู้ก่อตั้งแบรนด์แพนดอร่า
5. มร.พีเดอร์ ทูบอร์ก ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทแพนดอร่า
6. นายวีระชัย ภู่เพียงใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน
7. มร. นีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสด้านการผลิต และกรรมการผู้จัดการ บริษัทแพนดอร่า -โพรดักชั่น จำกัด
เกี่ยวกับแพนดอร่า
แพนดอร่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีฝีมือประณีตรูปแบบทันสมัย ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงในราคาที่ทุกคนสามารถครอบครองได้ สินค้าแพนดอร่ามีจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศ ใน 6 ทวีป ผ่านจุดจำหน่ายมากกว่า 8,100 จุด ซึ่งในจำนวนนี้เป็นร้านค้าคอนเซปต์สโตร์ราว 2,100 แห่ง
แพนดอร่าก่อตั้งในปี 2525 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลก
มากถึง 21,500 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นช่างฝีมือเครื่องประดับอัญมณีมากถึง 12,400 คน ปฏิบัติงานอยู่ที่ฐานการผลิตหลักในประเทศไทย แพนดอร่าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในปี 2559 แพนดอร่ามีรายได้รวม 20,300 ล้านโครนเดนมาร์ก (กว่า 2,700 ล้านยูโร)
