แซดทีอี ขนทัพเทคโนโลยี และพันธมิตร ประกาศชิงธงผู้นำด้านการให้บริการ 5G ในไทย
แซดทีอี ขนทัพเทคโนโลยี และพันธมิตร
ประกาศชิงธงผู้นำด้านการให้บริการ 5G ในไทย
ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล การประกาศตัวสร้างประเทศเป็น ไทยแลนด์ 4.0 สร้างการเปลี่ยนแปลง และความคาดหวังให้กับผู้คนมากมายที่เกี่ยวข้อง แซดทีอี ประเดิมโหมโรง ด้วยงาน ZTE Summit 2017 ขนทัพพันธมิตรธุรกิจ 5G จากต่างประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป จัดโชว์นวัตกรรม และเทคโนโลยี 5G ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบของอุตสาหกรรมไปจากเดิมให้กับโอเปอเรเตอร์ และพันธมิตร ที่สนใจในประเทศ พร้อมวางแผนผลักดันประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน 5G ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายจื้อหมิง หาน ประธานกรรมการบริษัท แซดทีอี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยี 5G กำลังเป็นกระแสที่มีการกล่าวถึงจากทั่วทุกมุมโลก ได้มีการทดสอบ และทดลองใช้งานจริงแล้วในหลายประเทศ แซดทีอี คาดหวังเป็นอย่างยิ่งในการมีส่วนร่วมช่วยผลักดันประเทศไทยให้เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ โดยให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แซดทีอี ได้เตรียมความพร้อมสูงสุดในการให้บริการแบบครบวงจร เพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยี 5G ทันทีเมื่อมีการประกาศใช้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านตลาด 5G ของเมืองไทย โดยการจัดงาน ZTE Summit 2017 ในครั้งนี้เป็นการปูพื้นฐาน สร้างความเข้าใจถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆด้าน 5G รวมถึงเป็นการนำเสนอระบบ 5G ที่ แซดทีอี ได้ทำสำเร็จแล้วในต่างประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี เป็นต้น
งาน ZTE Summit 2017 ในครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอข้อมูลในเชิงลึกจากคณะผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญในวงการทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงการโชว์นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับรองรับ 5G โดยนำตัวอย่างจริงที่ทำสำเร็จแล้วจากต่างประเทศ เช่น การร่วมมือกันพัฒนา 5G กับ ไชน่า โมบาย และซอฟท์แบงค์ ของญี่ปุ่น มานำเสนอ รวมถึงนำพันธมิตรธุรกิจจากต่างประเทศ อาทิ GSMA, China Unicom และ QUALCOMM เข้ามาพบกับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทย เช่น กสทช. เอไอเอส ทรู ทีโอที และแคท เทเลคอม โดย แซดทีอี ได้จัดพื้นที่แสดงนิทรรศการ สำหรับโชว์โซลูชั่นการใช้งานเกี่ยวกับ 5G แบบครบวงจร รวมทั้งนำเสนอถึงอนาคตของดิจิทัลที่ถูกขับเคลื่อนด้วย 5G จะเป็นอย่างไร ให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัส อาทิ การทดสอบวิดีโอสตรีมด้วย 5G ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง และอัตราการใช้งานสูงสุดที่ 2 กิกะไบต์ นอกจากนี้ยังนำเสนอระบบจอดรถอัจฉริยะ ระบบมาตรวัดประปา ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงอัจฉริยะ ในรูปแบบสมาร์ทซิตี้ และสมาร์ทโฮม เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคดิจิตอลให้มีความสะดวกสบาย และง่ายดายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แซดทีอี ได้เริ่มงานวิจัยพัฒนา และบุกเบิกด้าน 5G มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และทีมผู้เชี่ยวชาญอีกหลายพันคน เพื่อบุกเบิก และสร้างมาตรฐาน รวมถึงการกำหนดความต้องการด้านสถาปัตยกรรม การสร้างเครือข่ายเทคโนโลยีที่จำเป็น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตรวจสอบด้านเทคนิค รวมถึงมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐาน และสิทธิบัตรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากแอพพลิเคชันอุตสาหกรรมไปสู่ระบบ ecosystem 5G ที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำให้ต้นทุนต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แซดทีอี ยังมีผลงานการพัฒนาด้าน 5G และมีส่วนร่วมในการทดสอบความถูกต้องของระบบ 5G เป็นรายแรกของโลกให้กับรัฐบาลจีน โดยการทดสอบเฟสแรก แซดทีอี เป็นผู้จัดจำหน่ายรายแรกที่ทำการตรวจสอบเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดของ 5G ด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม และ แซดทีอี ยังได้เซ็นสัญญาการให้บริการด้าน 5G กับโอเปเรเตอร์ชั้นนำระดับโลก เช่น China Mobile,China Unicom,China Telecomประเทศจีน,Softbank ประเทศญี่ปุ่น,KT ประเทศเกาหลีใต้,Telefonica ประเทศสเปน,Deutsche Telecom ประเทศเยอรมนี,Telenet Orange ประเทศฝรั่งเศส และ WindTre ประเทศอิตาลี สำหรับตลาดประเทศไทย แซดทีอี ได้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 10 ปี พร้อมตั้งเป้าในการเป็นผู้นำตลาดด้าน 5G อย่างครบวงจร