แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น (0763.HK) (000063.SZ) ผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม โซลูชั่นอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่สำหรับองค์กรธุรกิจและผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ก้าวเป็นผู้นำในการดำเนินการทดสอบความเสถียรและความปลอดภัยของเครือข่ายหลัก 5G เฟสที่ 3 เสร็จสมบูรณ์ตามมาตรฐาน IMT-2020 ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงความพร้อมของเครือข่ายหลัก 5G ของแซดทีอีได้เป็นอย่างดี
การทดสอบดังกล่าวครอบคลุมถึงการทดสอบประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม NFVI ประสิทธิภาพในการให้บริการติดตั้งเครื่องแม่ข่ายเสมือน (virtual machine) เครื่องเดียวหรือหลายเครื่องซึ่งเป็นองค์ประกอบของระบบเครือข่ายหลัก 5G รวมไปถึงการทดสอบความเสถียรและความสามารถในการรองรับบริการของระบบ
ระบบของแซดทีอี ซึ่งประกอบด้วยแพลตฟอร์ม NFV และองค์ประกอบของระบบเครือข่ายหลัก 5GC ได้ถูกนำไปติดตั้งบนแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป และต่อประสานกับอุปกรณ์ของผู้จำหน่ายรายอื่น ตามข้อกำหนดของโมเดลการให้บริการ บริษัทผ่านการทดสอบทุกรูปแบบ และผลของการทดสอบเป็นไปตามข้อกำหนดของโมเดลการให้บริการและตัวชี้วัดจำเพาะหลายตัว
การทดสอบฟังก์ชั่นความปลอดภัยเน้นไปที่การจัดการและลงทะเบียนตัวตนอุปกรณ์ ตลอดจนกระบวนการให้บริการรักษาความปลอดภัยในขณะเคลื่อนย้าย ซึ่งระบบของแซดทีอีประสบความสำเร็จในการผ่านการทดสอบขั้นบังคับทุกกรณี
เครือข่ายหลัก 5G เวอร์ชั่นล่าสุดของแซดทีอีถูกพัฒนาขึ้นให้สอดคล้องตามข้อกำหนด 3GPP Release จำนวน 15 ข้อที่ออกมาในเดือนกันยายน 2561 นอกจากนี้ การใช้สถาปัตยกรรมแบบ SBA ส่วนบริการขนาดเล็ก (micro-service components) และเทคโนโลยีเครือข่ายแยกส่วน (network slicing) ยังช่วยให้เครือข่ายหลัก 5G ของแซดทีอี มีนวัตกรรมการให้บริการที่ยืดหยุ่นและคล่องตัวอีกด้วย
ด้วยการแยกส่วนบริการออกเป็นลอจิกและดาต้า เครือข่ายหลัก 5G ของแซดทีอี จึงสามารถปรับปรุงความน่าเชื่อถือของบริการและประสบการณ์ผู้ใช้ ทั้งยังช่วยให้สามารถติดตั้งเครือข่ายโดยใช้เวลาในระดับนาที ผ่านการจัดกำหนดการบริการที่มีความยืดหยุ่น
นายหลิว เจียนหัว ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์เครือข่ายหลักและเทเลคอมคลาวด์ของแซดทีอี กล่าวว่า “นี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของเราอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่แซดทีดีได้ผ่านการทดสอบฟังก์ชันสถาปัตยกรรม SA ในเดือนกันยายน 2561 โดยแซดทีอีจะเดินหน้าสนับสนุนและร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรม 5G เติบโตอย่างเต็มที่ และพร้อมต้อนรับการเข้าสู่ยุค 5G”
IMT-2020 (5G) Promotion Group ได้ริเริ่มการทดสอบด้านการวิจัยและพัฒนา 5G เฟสที่ 3 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G อย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมความพร้อมของอุตสาหกรรม 5G ภายใต้แนวทางของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน
นอกเหนือจากความสำเร็จในการทดสอบเครือข่ายหลัก 5G เฟสที่ 3 ตามมาตรฐาน IMT-2020 แล้ว แซดทีอียังเป็นรายแรกของโลกที่ดำเนินการเชื่อมต่ออุปกรณ์และระบบ 5G แบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ บนเครือข่าย NSA ขนาด 3.5 GHz โดยใช้สมาร์ทโฟนต้นแบบที่รองรับระบบ 5G ของแซดทีอี
ยิ่งไปกว่านั้น แซดทีอี และ ไชน่า เทเลคอม ยังบรรลุผลสำเร็จในการทดสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันของเครือข่าย 5G และ 4G ภายใต้สถาปัตยกรรม SA เป็นครั้งแรกของโลก และด้วยความร่วมมือกับบริษัทเทียนจิน เทเลคอม และบริษัทการท่าเรือเทียนจิน ทางแซดทีอียังได้เปิดตัวแอปพลิเคชันอุตสาหกรรมท่าเรืออัจฉริยะ 5G&MEC อีกด้วย
เกี่ยวกับ ZTE
ZTE เป็นผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคมขั้นสูง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับองค์กร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ZTE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมแบบบูรณาการครบวงจรให้แก่ลูกค้าตามนโยบายของบริษัท เพื่อมอบคุณค่าและความเป็นเลิศในยุคที่เทคโนโลยีโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ZTE จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 0763.HK / รหัสหุ้นในตลาดเซินเจิ้น: 000063.SZ) บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมกว่า 500 ราย ในกว่า 160 ประเทศ ในแต่ละปี ZTE จัดสรรเงินรายได้ 10% ให้กับการวิจัยและพัฒนา ทั้งยังมีบทบาทเป็นผู้นำในองค์กรกำหนดมาตรฐานระดับโลก ทั้งนี้ ZTE ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นสมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zte.com.cn
สื่อมวลชนติดต่อ:
Margaret Ma
ZTE Corporation
โทร: +86 755 26775189
อีเมล: ma.gaili@zte.com.cn