“เอจีซี” เข้าซื้อกิจการ “ซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์” บ.รับจ้างผลิตและพัฒนาเวชภัณฑ์
เอจีซี อาซาฮี กลาส (AGC Asahi Glass) ผู้นำของโลกด้านการผลิตกระจก เคมีภัณฑ์ และวัสดุไฮเทค ประกาศในวันที่ 20 ธันวาคมว่า ทางบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ของบริษัท ซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์ (CMC Biologics) ผู้นำของโลกด้านการผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) โดยมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวร่วมกับนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Monitor Clipper Partners และ European Equity Partners ด้วยมูลค่าราว 60 พันล้านเยน ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดทางธุรกิจ โดยคาดว่ากระบวนการเข้าซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคม 2017
ซีเอ็มซีเป็นองค์กรรับจ้างผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (CDMO) ซึ่งรับผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมและชีวเภสัชภัณฑ์ โดยมีโฮสต์เป็นจุลินทรีย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นอกจากนั้นยังให้บริการสร้างเซลล์ไลน์ พัฒนากระบวนการสร้างเซลล์ ขยายจำนวนเซลล์ รวมถึงผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมที่ใช้ในการพัฒนายา (ในการทดลองพรีคลินิกและการทดลองระดับคลินิก) และที่ใช้ในชีวเภสัชภัณฑ์ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด บริษัทมีพนักงานราว 530 คน และประกอบกิจการในระดับโลก โดยมีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในเดนมาร์ก (โคเปนเฮเกน) และสหรัฐอเมริกา (ซีแอตเทิลและเบิร์กลีย์)
เดวิด คอฟแมนน์ ประธานบริษัท ซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการที่ซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์ กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเอจีซี ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศและมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า การที่เอจีซีอุทิศตนพัฒนาเทคโนโลยีชั้นยอดและจับมือเป็นหุ้นส่วนกับลูกค้ามาอย่างยาวนานนั้น นับว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์ ที่ต้องการก้าวเป็นองค์กรรับจ้างผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพชั้นยอดสำหรับบริษัทเภสัชภัณฑ์และเทคโนโลยีชีวภาพชั้นแนวหน้าทั่วโลก”
กุสตาโว มาห์เลอร์ ประธานและซีอีโอของซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์ กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอจีซี ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ทั้งยังมีกลยุทธ์ทางธุรกิจระยะยาวและมีทรัพยากรเพียบพร้อมสำหรับการเข้ามาเป็นเจ้าของซีเอ็มซี ไบโอโลจิกส์ ทีมผู้บริหารของซีเอ็มซีตั้งตารอที่จะเป็นทีมเดียวกับเอจีซี เพื่อมอบโซลูชั่นที่ทันสมัย ครอบคลุม และตรงตามความต้องการของลูกค้า สำหรับการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ผมเชื่อมั่นว่าลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการผสานความเชี่ยวชาญในระดับสูง ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายปี และบริการในระดับสากลของเรา”
เอจีซีเข้าสู่ธุรกิจการรับจ้างผลิตมาตั้งแต่ช่วงต้นยุคปี 2000 ขณะที่การเข้าซื้อกิจการของซีเอ็มซีถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การขยายขอบข่ายธุรกิจการรับจ้างผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมธุรกิจในปัจจุบันของเอจีซีทั้งในญี่ปุ่นและยุโรป (*) การรวมธุรกิจเข้ากับซีเอ็มซีจะช่วยให้เอจีซีสามารถนำเสนอบริการรับจ้างผลิตและพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมในระดับโลก โดยใช้เทคโนโลยีและโซลูชั่นการผลิตที่ดีที่สุด ทั้งโฮสต์ที่เป็นจุลินทรีย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก
ภายใต้นโยบายการบริหารจัดการ “เอจีซี พลัส” นั้น ทางเอจีซี กรุ๊ป ระบุว่า ธุรกิจชีววิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัท สำหรับการควบรวมธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยให้เอจีซี กรุ๊ป สามารถขยายธุรกิจรับจ้างผลิตและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ให้ครอบคลุมลูกค้าทั่วโลก
(*) ธุรกิจในยุโรปของเอจีซีเริ่มดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบผ่านการเข้าซื้อกิจการของ Biomeva ซึ่งเป็นองค์กรรับจ้างผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเยอรมนี เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.agc.com/english/news/20160906e.pdf