1

เล็กซ์ซัส กรุงเทพ หวังรักษาแชมป์ดีลเลอร์เบอร์หนึ่ง เตรียมเจาะกลุ่มลูกค้ารถหรูด้วยซีดาน LS 460ระดับเฟิร์สคลาส 11 ล้านบาท อัดเป้าไตรมาสสุดท้ายดุเดือด ต้อนรับศักราชใหม่ 2013

นายสกล ชีวมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เล็กซ์ซัส กรุงเทพ จำกัด (พระราม9) เปิดเผยว่า จากการที่ล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดย เลกซัสกรุ๊ป ได้มีการเปิดตัว เลกซัส LS 460 ซึ่งเป็นซีดาน เฟิร์สคลาสราคา 11 ล้านบาท เข้าสู่ตลาดรถหรูนั้น ทางเล็กซ์ซัส กรุงเทพ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เลกซัสแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นดีลเลอร์เลกซัสที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลาด ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์      เลกซัสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี คาดการณ์ว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีของกลุ่มฐานลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นระดับพรีเมี่ยมและรักความสะดวกสบาย

นอกจากนี้นับเป็นครั้งแรกที่เลกซัส LS พร้อมทั้งมีเวอร์ชั่น F SPORT ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ของยานยนต์หรูที่ให้อารมณ์การขับเคลื่อนแบบสปอร์ต ผสมผสานรูปแบบภายนอกที่ดุดันกับภายในโฉบเฉี่ยวเร้าใจปรับความสูงของระบบช่วงล่างลง 10 มม.พร้อมระบบ ดิสค์เบรคคู่หน้า Brembo แบบ 6 พอร์ต และแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเฟืองท้ายหลังแบบ Torsen Limited Slip ซึ่งยังคงมาตรฐานอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรถยนต์เลกซัสที่ภายในห้องโดยสารมีความเงียบและสบายที่สุดในโลก เป็นผลจากการพัฒนาวัสดุดูดซับเสียงที่ช่วยขจัดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ พื้นถนน และลมปะทะ พร้อมอุปกรณ์ที่ดูดซับเสียงในห้องโดยสารตอนหน้า และปรับปรุงในรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด น่าจะเป็นจุดเด่นสำหรับนวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบสนองได้อย่างลงตัวกับลูกค้ากลุ่มนี้ของบริษัทฯ อย่างแน่นอน

สำหรับจุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจของเลกซัส LS460 ได้แก่การนำหลอดไฟ LED มาใช้ในทุกจุด รวมถึงไฟตัดหมอกทรงแนวตั้งที่มาพร้อมเลนส์ PES (โพลิเอสเตอร์) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดของโลก โดยระบบไฟหน้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางวัน รูปทรงตัวแอล (Daytime Running Lights) สะท้อนให้เห็นรูปแบบที่นำสมัย พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ “Spindle Grille” เอกลักษณ์ใหม่แห่งดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็นสุดยอดยนตรกรรมของเลกซัส มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลังจากเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตรพร้อมระบบปรับวาล์วแปรผัน Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รถยนต์เลกซัส LS ใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการรับรองมาตรฐานการปล่อยมลพิษยูโร ระดับ5 (EURO 5) ด้วยเทคนิคการเชื่อมตัวถังแบบใหม่ ทำให้โครงสร้างของเลกซัส LS ใหม่มีความแข็งแรง มั่นคงและยืดหยุ่น ให้ความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการโช๊คอัพแบบแปรผันค่าความหนืด (Frequency Adaptive Damping) หรือ ระบบรองรับการสั่นสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive Variable Suspension) ทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดียิ่งขึ้น ระบบพวงมาลัยได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำและมีการตอบสนองรวดเร็วมากขึ้น ระบบเบรคที่ตอบสนองการเบรคในสถานะการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็วมากขึ้น แป้นเบรคให้สัมผัสที่ดีขึ้น รวมถึงโหมดการขับเคลื่อนที่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ ECO, COMFORT, NORMAL, SPORTS และ SPORT S+ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เลกซัส LS ใหม่สมบูรณ์แบบด้วยประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีเยี่ยม

 

 

 

การเปิดตัวรถรุ่นใหม่เลกซัส LS 460 สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบนี้ ด้วยรุ่น LS460L ที่ดูหรูหรา รุ่น F-Sport ที่มีความสปอร์ตทั้งด้านรูปลักษณ์และสมรรถนะ ด้วยยอดขายทั่วโลกที่มากกว่า 730,000 คัน ตลอดทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น โดยเลกซัสรุ่น LS460 เปิดตัวมาด้วยราคา 9.85 ล้านบาท และท็อป LS460L ที่มีทั้งแบบ 5 และ 4 ที่นั่งให้เลือก ด้วยราคา 11.68 และ 11.78 ล้านบาทตามลำดับ สำหรับเล็กซ์ซัส กรุงเทพ ได้ตั้งเป้ายอดขายสำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้โดยคาดว่าจะได้สัดส่วนจากเลกซัสรุ่น LS460 รวมมูลค่า 55 ล้านบาทโดยประมาณ และรวมเลกซัสทุกรุ่นที่จัดจำหน่ายทั้งหมด 335 คัน ด้วยมูลค่ารวมทั้งหมด 1,200 ล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งหากได้ตามเป้าหมายถือว่าเติบโตกว่าเท่าตัวหรือสูงขึ้นถึง 127% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา การเปิดตัวโฉมใหม่ของ LS ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังไฮคลาสสุดยอดยนตรกรรมที่คุ้มค่าแก่        การลงทุนและครอบครองที่สุดสำหรับเศรษฐีของเมืองไทย และนับว่าเป็นการเข้าโค้งสุดท้ายที่ดุเดือดสำหรับตลาดรถหรูช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอีกด้วย งานนี้คู่แข่งตลาดรถหรูคงมีการเคลื่อนไหวที่เผ็ดร้อนเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งนี้อย่างแน่นอน” กรรมการผู้จัดการ เล็กซ์ซัส กรุงเทพ (พระราม 9) กล่าวปิดท้าย

 

รายละเอียดอื่นๆ

 

ครั้งแรกกับ Lexus Climate Concierge หรือ ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะแบบ Multi-Zone ที่ใช้เซ็นเซอร์กว่า 13 ตัว เพื่อวัดสภาพอากาศภายในห้องโดยสาร และกระจายความเย็นหรือความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วห้องโดยสารตามความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน รวมทั้งปรับอุณหภูมิบริเวณเบาะนั่งและพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้น ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร ยังทำงานผสานกับ นาโน-อี(Nano-e) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ด้วยคุณสมบัติพิเศษโดยการปล่อยประจุลบของน้ำออกมา เพื่อดักจับและทำลาย เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ภายในห้องโดยสาร ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสะอาด สดชื่นตลอดการเดินทาง

ภายในโดดเด่น ด้วย Advanced Illumination System (AIS) สะท้อนความหรูหราภายในด้วย Welcome Light LED สี Champagne White บริเวณคอนโซลหน้า ที่จะเรืองแสงต้อนรับเมื่อเข้าใกล้ตัวรถ พร้อมแผงหน้าปัดที่ง่ายต่อการควบคุมและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ด้วยการแบ่งโซนอย่างเด่นชัด ทั้งโซนแสดงผล (Display Zone) ซึ่งประกอบไปด้วย LCD Multi-display ขนาดใหญ่ที่สุด 12.3 นิ้ว และโซนควบคุม (Operation Zone) ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ด้วย Remote Touch Interface (RTI) เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่สามารถควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ในรถยนต์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เสมือนการคลิกเมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

 

 

 

 

 

 

 

 

พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 380 มิลลิเมตร สั้นกว่าเดิมถึง 10 มิลลิเมตร ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นพร้อมเติมอารมณ์สปอร์ต นอกจากนี้ แผงหน้าปัดที่มาพร้อมจอข้อมูลเรืองแสงออพ     ติตรอนขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Thin Film Transistor Multi-information ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นจอแสดงข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดารถยนต์เลกซัสทั้งหมด ช่วยให้การอ่านค่าทำได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยสุดยอดเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Mark Levinson และระบบ Rear Seat Entertainment System ระบบบันเทิงเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวที่มาพร้อม Blu-ray player พร้อมการออกแบบภายในที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้แนวคิด Human-Centered Engineering ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของมนุษย์ได้มากที่สุด มั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ

VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ที่ผสานการทำงานของระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะทำการควบคุมการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน (Adaptive Variable Suspension) ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electronic Power Steering) และอัตราทดเฟืองพวงมาลัยแบบแปรผัน (Variable Gear Ratio Steering) ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ทั้งในขณะขับเคลื่อนและเบรค รวมทั้งลดการเกิดอาการล้อหมุนฟรี ช่วยให้ทุกการเคลื่อนไหวของรถยนต์เป็นไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด

ระบบ Pre-Crash Safety ที่มีเซนเซอร์ตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชน หากตรวจพบว่ามี    สิ่งกีดขวางอยู่บนถนนเบื้องหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผ่านหน้าจอแสดงผลทันที ทำให้เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ (Pre-Crash Seatbelt) จะทำการดึงรั้งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าอัตโนมัติ ช่วยให้คนขับและผู้โดยสารแนบชิดกับเบาะและพนักพิง เพื่อป้องกันการกระแทกอย่างรุนแรงจากพวงมาลัยหรือถุงลมเสริมความปลอดภัยหรือคอนโซลหน้า

                       ระบบ Passive Safety ที่ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS แบบคู่ (twin-chamber) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างทั้งบริเวณที่นั่งตอนหน้าและหลัง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหลัง หมอนรองศีรษะสำหรับที่นั่งตอนหน้า แบบ active headrests จะทำงานทันทีที่ได้รับสัญญาณจากถุงลมเสริมความปลอดภัยเบาะหน้า เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นบริเวณกระดูกต้นคอ  อีกทั้งยังมีถุงลมเสริมความปลอดภัยเบาะรองนั่ง ออตโตมาน ช่วยป้องกันการลื่นไถลของผู้โดยสาร เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า ปกป้องผู้โดยสารให้ปลอดภัยสูงสุดตลอดการเดินทาง