คนรุ่นใหม่รักการผจญภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “นีโอ” จัดมหกรรมท่องเที่ยวกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ Thailand Golf & Dive Expo 2018 และมหกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง หรือ Outdoor Fest 2018 รับกำลังซื้อ อัดโปรโมชั่นสำหรับคนชอบดำน้ำ กอล์ฟ เดินป่า ปีนหน้าผา แค้มป์ปิ้ง ทั้งอุปกรณ์ ทริปท่องเที่ยว และโรงเรียนสอนต่าง ๆ แบบจัดเต็ม มั่นใจผู้ชมงานเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10 % หรือไม่ต่ำกว่า 100,000 คน เงินสะพัดในงานไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกลายเป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ซื้อในภูมิภาค ซึ่งปีนี้มีสัญญาณที่ดีขึ้นมาก ขณะที่ตัวเลขนักเรียนโรงเรียนสอนดำน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่ากว่า 90% เป็นสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทย และ 10% เป็นนักท่องเที่ยวจีน ไต้หวัน เกาหลี ส่วนในโรงเรียนดำน้ำบนเกาะเต่า จ.ชุมพร ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 90% มาจากจีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยุโรป และนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 10% สำหรับธุรกิจกอล์ฟในประเทศไทยนั้นยังได้รับอานิสงค์จากการเปิดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ส่งผลให้ธุรกิจกอล์ฟในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE และนักธุรกิจ EEC ส่วนกิจกรรมแนวผจญภัยในปัจจุบันไทยกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่ต้องการเดินทางมาสัมผัส ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีสัญญาณการเติบโตที่ดีต่อเนื่องกว่า 20%
“ในแต่ละปีจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเรียนดำน้ำในประเทศไทยมากกว่าแสนคน และมีจำนวนผู้ประกอบการและผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ซื้อในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ เห็นภาพใน Social network ของนักดำน้ำหลายคนที่มีโอกาสได้พบฉลามวาฬขณะไปดำน้ำที่ทะเลอ่าวไทย ก็คาดว่าการจัดงานในปีนี้จะมีความคึกคักมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา และจากกระแสนี้น่าจะทำให้มีคนสนใจเรียนดำน้ำมากขึ้นตามไปด้วย มั่นใจผู้ชมงานกว่า 100,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10 % เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท” นายศักดิ์ชัย กล่าว
สำหรับการจัดงานดังกล่าวถือเป็นมหกรรมท่องเที่ยวและกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี ได้แก่ งานมหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำ และกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Golf & Dive Expo 2018 และงาน Outdoor Fest ซึ่งเป็นมหกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งถือเป็นการรวบรวมสุดยอดกิจกรรมสำหรับผู้รักการท่องเที่ยว การผจญภัยและกีฬา มาไว้ในงานเดียวกัน โดยภายในงาน มีผู้ประกอบการทั้งคนไทยและต่างประเทศมาร่วมแสดงงานกว่า 350 บูธ ประกอบด้วยโซนกีฬาดำน้ำ ได้แก่ โรงเรียนสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐานสากล ทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ทที่พัก เรือ Live-aboard อุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์เสริมต่างๆ กล้องถ่ายภาพ Housing ในส่วนของผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มัลดีฟส์ ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อียิปต์
โซนกีฬากอล์ฟได้จัดแสดงสินค้าประกอบด้วยสนามกอล์ฟทั่วไทยกว่า 50 สนาม มานำเสนอแพคเกจกรีนฟี ราคาพิเศษ ที่พักในสนามกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ เสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์เสริมแบรนด์ดังต่างๆ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลดสูงสุดถึง 70 % อาทิ Wangjuntr Golf Park , Amazing Phuket Golf ฯลฯ สำหรับธุรกิจกอล์ฟในประเทศไทยนั้นยังได้รับอานิสงค์จากการเปิดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ส่งผลให้ธุรกิจกอล์ฟในประเทศไทยมีแนวน้อมการเติบโตที่ดีจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE และนักธุรกิจ EEC
ขณะที่การจัดงานท่องเที่ยวเชิงผจญภัย “Outdoor Fest 2018” ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Jungle in the City โดยได้รวบรวม แหล่งท่องเที่ยวแบบผจญภัยและท้าทาย มาให้เลือกช้อปแพ็คเกจท่องเที่ยวหลายรูปแบบหลากสไตล์ในราคาโปรโมชั่น จากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น รีสอร์ทที่พัก อุปกรณ์เดินป่า ทริปปีนผา ทริปล่องแก่ง และแค้มป์ปิ้ง ฯลฯ
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมมากมาย อาทิ นิทรรศการภาพจากการประกวดภาพถ่ายใต้น้ำ “TDEX Underwater Photo Contest” ครั้งที่ 13 ร่วมฟังการสัมมนาจากกูรูด้านการถ่ายภาพใต้น้ำ เช่น เรื่องฉลามในความทรงจำ โดย คุณนัท สุมนเตมีย์, อิสระกับฟรีไดวิ่ง การผจญภัยใต้น้ำด้วยลมหายใจเดียว Freediving adventure โดย คุณพลอย มาลัยวงศ์, Diving in Cinderawasih, Indonesia with UW Underwater Photography Tips โดย Mr. Ken Tongpila จากออสเตรเลีย, Diving in Indonesia On the Job Through the Lens โดย Mr. Glenn Young จากสิงคโปร์ เป็นต้น เทคนิคการดำน้ำแบบต่างๆ กิจกรรม “TDEX Underwater Film Party” ครั้งที่ 4 โดย digitalay.com เป็นการนำวิดีโอภาพใต้น้ำที่นักดำน้ำส่งมา พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ที่มาของวิดีโอ การแข่งขันพัตต์กอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” ชิงเงินรางวัล การแข่งขันตีไกลกับเครื่อง Golf Simulator การแข่งขันปีนหน้าผาจำลอง และการแข่งขันปั่นจักรยาน Bike Simulator เป็นต้น
ด้าน นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ททท.ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง อาทิ การดำน้ำ กีฬากอล์ฟ ปีนผา กิจกรรมผจญภัยต่างๆ เพราะปัจจุบันกระแสรักสุขภาพและการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้นการส่งเสริมกิจกรรมกลางแจ้งจะช่วยดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้คึกคัก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางผลักดันการท่องเที่ยวของ ททท.ในปี 2561 ที่มุ่งขยายฐานกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
การจัดกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับการท่องเที่ยวของไทยอยู่ในลำดับ 1 ใน 5 ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอนาคต ททท. ได้วางแผนร่วมมือจัดกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อดึงดูด นักท่องเที่ยวนอกภูมิภาค โดยใช้โมเดลความร่วมมือด้านวัฒนธรรมเป็นต้นแบบ สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากสุด ได้แก่ มาเลเซีย ลาว และเมียนมา ตามลำดับ” นายสมชายกล่าว
ด้านนายภูริพันธ์ บุนนาค ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายสำนักงานผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) กล่าวว่า “ทีเส็บในฐานะองค์กรที่มีพันธกิจเพื่อสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมการจัดการประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติหรืออุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานไมซ์ระดับแนวหน้าของเอเชีย ได้ร่วมสนับสนุนงาน Thailand Dive Expo ในปีนี้อีกครั้ง นับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และขอแสดงความยินดีกับผู้จัดงานที่งาน Thailand Dive Expo ในปี 2017 มียอดผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 78.18 ซึ่งทำให้ทีเส็บยังคงให้การสนับสนุนงานในปีนี้ผ่านแคมเปญ Connect Businesses ต่อไป รวมทั้งแคมเปญการทำการตลาดต่างประเทศให้กับตัวงาน เพื่อช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศและกระตุ้นให้มีการเจรจาซื้อขายภายในงาน ทีเส็บยังมุ่งหวังให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างทีเส็บและอุตสาหกรรมดำน้ำของประเทศไทยในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเจาะตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่มีการใช้จ่ายสูงกว่านักเดินทางทั่วไป 3 เท่าและเป็นกลุ่มนักเดินทางที่ทีเส็บมีโอกาสสนับสนุนมากกว่า 1 แสนคนในแต่ละปี เพื่อช่วยสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยต่อไป”