เปิดใจรับ “โฮมแคร์” ทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยของวัยเกษียณ
อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ เพราะจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุผลให้ “โฮมแคร์” หรือ “เนอร์สซิ่งโฮม” ซึ่งก็คือ สถานที่ดูแล พักฟื้น ผู้ป่วยหรือคนชรา กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ของชีวิตในวัยเกษียณ ได้ใช้ชีวิตในอีกหนึ่งรูปแบบ ที่ให้บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การดูแลความปลอดภัย การรักษาสุขภาพร่างกาย กายภาพบำบัด กิจกรรมนันทนาการมากมาย เพื่อให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุได้ร่วมกิจกรรม เพราะถ้ามีกลุ่มเพื่อนในวัยเดียวกันก็ช่วยให้คลายความเหงาได้ดีไม่น้อยเลย
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือ นีโอ ในฐานะผู้จัดงาน เล่าว่า เมื่อพูดถึงบ้านพักคนชรา สถานดูแลผู้สูงอายุ หรือ โฮมแคร์ หลายคนอาจมองว่าเป็นการผลักภาระ ทิ้งบุพการี แต่ปัจจุบันอยากให้ลองเปิดใจ เพราะทุกวันนี้ศูนย์บริการดูแลผู้สูงอายุมีการพัฒนาขึ้นมากจากในอดีต ทั้งความสะอาด ความเป็นอยู่ รูปแบบการให้บริการมีทั้งแบบประจำ หรือแบบไปเช้า เย็นกลับ แต่สิ่งสำคัญคือลูกหลานยังคงต้องไปมาหาสู่พบปะบุพการีอยู่เป็นประจำ เพราะสถานดูแลผู้สูงอายุก็เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังที่จะสร้างความสุขให้กับครอบครัว ซึ่งประโยชน์ที่ครอบครัวจะได้รับจากสถานดูแลผู้สูงอายุประกอบไปด้วย
1. การดูแลความปลอดภัย คงไม่มีลูกหลานคนไหนไม่อยากดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่าหรอก เพียงแต่ต่างคนก็ต่างมีภาระหน้าที่หลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ สำหรับบ้านที่มีคนชราต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา ครั้นจะจ้างคนทั่วไป ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถดูแลได้ดีหรือไม่ มีประสบการณ์ไหม ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ต้องได้รับการดูแลจากคนที่รู้ เข้าใจ และมีความชำนาญเฉพาะทาง อีกทั้งระบบการดูแลความปลอดภัยของโฮมแคร์ อาทิ สัญญาณขอความช่วยเหลือ กล้องวงจรปิด ระบบการป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา ยิ่งถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวล่ะก็ คนเป็นลูกคงกังวลไม่น้อยเลย จึงเป็นเหตุผลให้โฮมแคร์เป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลความปลอดภัยของผู้สูงอายุ ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอลงในทุก ๆ วัน จะลุก จะนั่ง จะเดินจึงต้องระวัง เพราะหากลื่นล้มไปโดยลำพังในขณะที่ไม่มีคนดูแล คงเจ็บหนักไม่ใช่น้อยเลย
2.การรักษาอาการเจ็บป่วย เมื่อถึงคราวต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ครั้นจะให้ลูกหลานมาดูแลตลอดเวลาก็สามารถทำได้ แต่อย่าลืมว่าอาการป่วยบางครั้งมองด้วยตาเปล่าไม่ได้ ทำให้ต้องได้รับการการดูแลรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือการตรวจเช็กสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งในบางรายที่ต้องรับกายภาพบำบัด เพื่อป้องกันข้อติดที่อาจจะส่งผลทำให้เดินไม่ได้ การจ้างพยาบาลดูแลเช้าถึงเย็นทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ยิ่งถ้าต้องพักข้างคืนด้วยล่ะก็ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ถ้าเทียบกับโฮมแคร์แม้ค่าใช้จ่ายจะไม่ต่างกันมากนัก แต่โฮมแคร์ มีทั้งอุปกรณ์การดูแลที่ครบครันมากกว่า และในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในยามวิการณ์ โฮมแคร์จะให้ความช่วยเหลือที่รวดเร็ว เพราะมีอุปกรณ์การช่วยเหลือที่พร้อมในกว่า เช่น สายยาง ถังออกซิเจน ยาต่าง ๆ อุปกรณ์ทำแผล ตลอดจนรถที่จะขนส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล อุปกรณ์ช่วยชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะแม้เสี้ยววินาทีผู้ป่วยก็อาจอาการแย่ลงได้
3.กิจกรรมนันทนาการพัฒนาความจำ หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าแท้จริงแล้ว โฮมแคร์ ไม่ได้น่าเบื่อหน่ายอย่างที่คิด ในแต่ละวันที่อาศัยอยู่ในโฮมแคร์จะมีกิจกรรมที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งให้ผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ อาทิ ฝึกความจำ การใช้ความคิด รวมถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เช่น การทำอาหาร การแต่งหน้าทำผม วาดรูประบายสี การเล่นไพ่ เป็นต้น ให้ผู้สูงอายุเลือกใช้เวลาว่างทำกิจกรรมที่ชอบหรือสนใจ พร้อมทั้งมีกลุ่มเพื่อนได้พูดคุยคลายเหงา ซึ่งการอาศัยอยู่บ้านนาน ๆ ผู้ป่วยอาจมีกำลังใจลดลง รู้สึกห่อเหี่ยว หมดกำลังใจ คงจะดีไม่น้อย หากคนกลุ่มนี้ได้มีเพื่อนวัยเดียวกัน คอยเป็นที่ปรึกษา พูดคุยกันได้อย่างเข้าอกเข้าใจกัน สร้างบรรยากาศดี ๆ ในแต่ละวัน
สำหรับใครที่กำลังมองหาโฮมแคร์ หรือเนอร์สซิ่งโฮม ดี ๆ ที่ได้รับมาตรฐาน โปรแกรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ เพื่อเข้ารับการรักษา พักฟื้นอาการป่วย สามารถมาร่วมชมงานและขอคำปรึกษาได้ภายในงาน InterCare Asia 2019 ครั้งที่ 4 นอกจากนี้ยังมีสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการสุขภาพระดับนานาชาติมาร่วมจัดแสดงรวมกว่า 250 บูธ ให้เลือกช้อปสินค้าได้อย่างครบวงจร โดยการจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2562 ณ HALL 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://intercare-asia.com/ หรือโทร 02-203-4241-4