ปรับใช้เทคโนโลยี AI และ ML เพื่อเปลี่ยนดาต้าให้เป็นข้อมูลอัจฉริยะในเชิงลึก เร่งเวลาเพื่อการเข้าสู่ตลาดที่เร็วขึ้น และบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น
• Dell EMC PowerEdge เซิร์ฟเวอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก ขยายสายผลิตภัณฑ์เพื่อเร่งให้เกิดปริมาณงาน การวิเคราะห์ การนำมาใช้งาน และประสิทธิภาพที่เกิดจากการขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
• กระชับความสัมพันธ์กับอินเทลเพื่อสร้างความล้ำหน้าทางนวัตกรรมชุมชน AI ตลอดจนความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่องจักร หรือแมชชีน เลิร์นนิ่ง (ML) และการเรียนรู้ในเชิงลึก หรือดีพ เลิร์นนิ่ง (DL) ด้วยโซลูชัน Dell EMC Ready
• Dell Precision Optimizer 5.0 ใหม่ที่ได้รับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพด้วยขั้นตอนวิธีของแมชชีน เลิร์นนิ่ง (ML) ช่วยปรับแต่งความเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานของ Dell Precision เวิร์คสเตชันอย่างชาญฉลาด
• Dell EMC นำ AI ML และ DL มาใช้เพื่อปฏิรูปการใช้งานและการบริการ
เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศเปิดตัว Dell EMC PowerEdge 14th generation ที่เป็น four-socket เซิร์ฟเวอร์ และ Dell Precision Optimizer 5.0 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้าน AI และ ML ให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรกับอินเทลในด้าน AI และ ML ในโซลูชัน Dell EMC Ready เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโซลูชัน AI และ ML ตลอดจนถึงการสร้างพันธมิตรใหม่ๆ จะช่วยผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งด้วยการเปลี่ยนดาต้าให้เป็นข้อมูลเชิงลึกอันชาญฉลาดในแบบเรียลไทม์
จากผลการวิจัยล่าสุดของตัวชี้วัดการเติบโตของการปฏิรูปด้านไอที หรือ 2018 IT Transformation Maturity Curve Index โดย Enterprise Strategy Group (ESG) ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Dell EMC ที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุด บริษัทที่มีการปฏิรูปด้านไอที จะสามารถตัดสินใจในการเดินหน้าทางธุรกิจได้เร็วกว่าและดีกว่าคู่แข่งด้วยการใช้ข้อมูลถึง 18 เท่า นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่บริษัทเหล่านี้จะสามารถนำหน้าในด้านการแข่งขันด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เข้าสู่ตลาดได้เร็วกว่าถึง 22 เท่า
“อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ กำลังขับเคลื่อนการจู่โจมเข้ามาของข้อมูลและการประมวลผลที่เกิดขึ้นที่อุปกรณ์ปลายทาง ทำให้องค์กรธุรกิจตอบรับการใช้กลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบครบวงจรที่ช่วยให้สามารถขุดค้นเหมืองข้อมูลดาต้าเพื่อให้ได้รับทองคำอัจฉริยะทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล” เจฟฟ์ คลาร์ค รองประธาน ด้านผลิตภัณฑ์และการปบัติการ เดลล์ กล่าว “และนี่คือจุดที่พลังของ AI และแมชชีน เลิร์นนิ่งกลายเป็นความจริง เมื่อทำให้องค์กรธุรกิจสามารถส่งมอบทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ โซลูชัน และประสบการณ์ต่างๆ ที่ดีขึ้นอันเป็นผลจากการตัดสินใจที่อยู่บนการขับเคลื่อนของข้อมูล และนี่คือธุรกิจที่เรากำลังดำเนินอยู่ นั่นคือทำให้การได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นด้วยโซลูชันครบวงจรที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตั้งแต่จาก PC workstation ไปยังดาต้าเซ็นเตอร์ ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่วิ่งอยู่บนคลาวด์”
ส่งมอบประสิทธิภาพพื่อรองรับปริมาณงานของ ML ในดาต้าเซ็นเตอร์
ปริมาณงานของ ML ต้องการระบบที่มีสมรรถนะ และประสิทธิภาพสูง รวมทั้งมีความสามารถในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งที่มีโครงสร้าง (structured) และไม่มีโครงสร้าง (unstructured) ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและรวดเร็วเพื่อสร้างคงามได้เปรียบในด้านการแข่งขัน ด้วยเหตุนี้ เดลล์ อีเอ็มซีจึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ 4-socket ใหม่ ได้แก่ PowerEdge R840 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ Dell EMC PowerEdge 14th generation
ด้วยประสิทธิภาพของโพรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable (แกนประมวลผลสูงสุด 112 ตัว)และหน่วยความจำขนาดใหญ่ (หน่วยความจำสูงถึง 6TB พร้อมทางเลือก NVDIMM) โดยเซิร์ฟเวอร์ใหม่เหล่านี้ส่งมอบประสิทธิภาพที่ทรงพลังและช่วยให้ลูกค้าสามารถ:
• ขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วขึ้น เพื่อการทำงานร่วมกับลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อเร่งกระบวนการทางนวัตกรรมด้วย data-intensive computations ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการวิเคราะห์ซึ่งออกแบบมาสำหรับการวิเคราะห์ภายในฐานข้อมูล โดยเซิร์ฟเวอร์ R840 จะช่วยลดความหน่วงด้วยไดรฟ์ NVMe ที่เชื่อมต่อโดยตรงกว่าตัวเลือกอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด และเพิ่มความเร็วในการส่งต่อข้อมูลด้วยการเชื่อมต่อแบบ Ultra-Path Interconnect (UPI) ที่ครบสมบูรณ์
ต่างจากเซิร์ฟเวอร์ 4-socket อื่นๆ ของคู่แข่ง เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้รองรับ field programmable gate arrays (FPGAs) ซึ่งคำนวณข้อมูลข้อมูลจำนวนมากซึ่ได้อย่างยอดเยี่ยม เซิร์ฟเวอร์ Dell EMC R840 มาพร้อมโปรแกรม OpenManage Enterprise เพื่อมอนิเตอร์และจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ตลอดจนตัวควบคุมระยะไกล Integrated Dell Remote Access Controller (iDRAC) เพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างผลิตผลการทำงานที่ดีขึ้นได้โดยอัตโนมัติ
พร้อมกันนี้ เดลล์ อีเอ็มซีประกาศเปิดตัว โซลูชัน PowerMax Storage ยุคหน้าซึ่งสร้างขึ้นด้วย machine learning engine ที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลด้วยตัวเครื่องโดยอัตโนมัติเป็นความจริง ด้วยการใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการจดจำรูปแบบการทำงาน ระบบ PowerMax เพียงหนึ่งเดียวก็สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ชุดข้อมูล 40 ล้านชุดในแบบเรียลไทม์ต่ออาร์เรย์ ขับเคลื่อนการตัดสินใจ 6,000 ล้านรายการต่อวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิพลของปริมาณการจัดเก็บข้อมูลแบบผสมให้เพิ่มขึ้นสูงสุดโดยอัตโนมัติ ความสามารถในการจัดการการทำงานของตัวเอง (self-manage) ของ PowerMax ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถให้ความสำคัญกับทรัพยากรด้านไอทีและบุคลากรในเชิงผลลัพธ์ทางธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ได้มากยิ่งขึ้น
ขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่สำคัญด้วยโซลูชัน Dell EMC Ready
เดลล์ อีเอ็มซียังคงทำงานร่วมกับนักพัฒนานวัตกรรมชั้นนำในการช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลจัดเก็บที่มีจำนวนมหาศาล การผสานรวมเทคโนโลยีของคู่ค้าเข้ากับโซลูชัน Dell EMC Ready ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกเส้นทางที่เชื่อถือได้ในการระบุและเลือกใช้โซลูชันที่ได้รับการทดสอบและผ่านการรับรองเพื่อให้สามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อช่วยลดทั้งความเสี่ยงและทั้งต้นทุนในการเป็นเจ้าของโดยรวมทั้งหมด
• โซลูชัน Dell EMC Ready สำหรับ HPC เป็นแพลตฟอร์มโซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์ที่สร้างขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge R740 ที่จะช่วยให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วและสร้างประสิทธิภาพผ่านการผสานการรวมโปรเซสเซอร์Intel®Xeon® Scalable และIntel® FPGAs ที่ปรับแต่งได้ ทั้งนี้ เดลล์ อีเอ็มซีจะเข้าร่วมในโครงการ Intel AI Builders ซึ่งเป็นระบบนิเวศของคู่ค้าที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับองค์กรธุรกิจ เพื่อพัฒนาโซลูชันคุณภาพสูงบนผลิตภัณฑ์ Intel AI เดลล์ อีเอ็มซี และอินเทล® ร่วมมือกันเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถวัดระดับของดีพ เลิร์นนิ่ง (DL) และปริมาณงานของ HPC ได้อย่างเต็มที่บนโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable และ Intel FPGA ภายใน Dell EMC Innovation Lab และ Dell EMC Customer Solution Centers
เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานในเวิร์คสเตชั่นผ่านแมชชีน เลิร์นนิ่ง
Dell ได้เปิดตัว Dell Precision Optimizer 5.0 ใหม่ที่ใช้ AI ในการปรับแต่งแอปพลิเคชันที่วิ่งบนเวิร์คสเตชัน Dell Precision โดยอัตโนมัติเพื่อเสริมศักยภาพให้ถึงขีดสูงสุดโดย:
• แอปพิเคชันเพื่อการปรับแต่งค่าตามความต้องการ: Dell Precision Optimizer จะเรียนรู้พฤติกรรมของแอปพลิเคชันแต่ละตัวและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสร้างโมเดลการเรียนรู้ของแมชชีนที่จะปรับระบบโดยอัตโนมัติเพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้ถึง 394 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลต่อการปรับแต่งเวิร์กโฟลว์ตามความต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชัน ISV มาตรฐาน หรือโปรแกรมต่างๆ ที่สามารถกำหนดได้เอง
• การปรับตั้งค่าระบบอัตโนมัติ: เมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ได้รับการสนับสนุน ซอฟต์แวร์จะปรับการกำหนดค่าระบบเช่น CPU หน่วยความจำ การเก็บข้อมูล กราฟิก ตลอดจนการตั้งค่าระบบปฏิบัติการโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของเวิร์กสเตชันได้อย่างรวดเร็วเมื่อใช้งานสลับระหว่างแอปพลิเคชันกับโครงการต่างๆ อาทิ การย้ายจากการออกแบบ CAD ที่มีรายละเอียดไปสู่การออกแบบภาพที่มีความเที่ยงตรงสูง
ส่งมอบการบริการสำหรับอนาคต
Dell EMC Services ใช้ประโยชน์ทั้งจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) แมชชีน เลิร์นนิ่ง และดีพ เลิร์นนิ่ง ในการปฏิรูปการให้การซัพพอร์ตและการใช้งานผ่านทางเทคโนโลยี ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมเข้าหากัน ปัญหาต่างๆ ด้านระบบจะสามารถแก้ไขในเชิงรุกได้รวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา ก่อให้เกิดเป็นผลลัพธ์ในการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปดำเนินการและคาดเดาได้ ตลอดจนการให้บริการที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการส่วนบุคคล (personalized) ที่ทำได้ง่ายดาย
ความพร้อมในการวางตลาด
• Dell Precision Optimizer พร้อมสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน
• Dell EMC Ready Solution for HPC พร้อมวางตลาดในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
• Dell EMC PowerEdge R840 พร้อมวางตลาดในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
อัลริค ฟูค ผู้จัดการด้านการบริการ องค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (CERN) กล่าวว่า “ความต้องการทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นของเราจำเป็นต้องมีเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถจัดการปริมาณงานรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงความต้องการในการวิเคราะห์ข้อมูล เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับคุณสมบัติด้านการทำงานใหม่ๆ ที่ Dell EMC PowerEdge R840 นำมาให้พร้อมด้วย NVMe ไดรฟ์ การรองรับ GPU และประสิทธิภาพสูง เราแทบไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้สามารถบรรจุอยู่ได้ภายในเซิร์ฟเวอร์ 2U! และด้วยเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge เหล่านี้ที่ทำหน้าที่เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ของเรา เราสามารถรวมปริมาณงานได้โดยไม่สูญเสียความเร็วใดๆ ในการทำงานลงไป”
ดูแกน โอ’เนล associate vice president ฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัย Simon Fraser กล่าวว่า “ระบบการประมวลผลประสิทธิภาพสูง Cedar ของเราช่วยให้นักวิจัยหลายพันคนทั่วประเทศแคนาดาสามารถรวบรวมวิเคราะห์ แบ่งปัน และจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ ด้วยการทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายชั้นนำอย่างเดลล์ อีเอ็มซี Cedar ช่วยให้นักวิจัยของเราสามารถสร้างการจำลองทางวิทยาศาสตร์ (scientific simulations) ที่ต้องใช้พลังในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ รวมทั้งปริมาณงานที่มีจำนวนข้อมูลที่มหาศาล อาทิ แอปพลิเคชันแมชชีน เลิร์นนิ่งต่างๆ เพื่อการทำงานในโครงการที่พัฒนาความก้าวหน้าของมนุษย์ ในกรณีนี้คือโครงการการวิเคราะห์โรคที่มีการติดเชื้ออย่างรวดเร็วแบบบูรณาการ (Integrated Rapid Infectious Disease Analysis Project) ของเรา ที่ใช้พลังในการประมวลผลที่ซับซ้อนของ Cedar ในการทำความเข้าใจกับการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการศึกษาว่าโรคเหล่านี้สามารถลุกลามไปได้อย่างไร และจะมีวิธีในการติดตามข้อมูลเหล่านี้ที่ดีกว่าเดิมอย่างไรได้บ้าง”
ลิซ่า สเปลแมน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ส่วนผลิตภัณฑ์ Intel Xeon และดาต้าเซ็นเตอร์ของอินเทล กล่าวว่า
“ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่กำลังต่อสู้กับข้อมูลอันท่วมท้นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการหมุนเวียนของปริมาณงานที่ต้องการการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูงที่สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการ ผลิตภัณฑ์ Ready Bundle for HPC ของเดลล์ อีเอ็มซีสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ผ่านการผสานศักยภาพของโพรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable และ Intel FPGAs ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสายผลิตภัณฑ์ชั้นนำในโซลูชัน AI ของอินเทลเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยมอบพลังและความยืดหยุ่นสูงสุดที่จำเป็นต่อการจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย”