เซเรซัสเผย ฟินเทคไทยอยู่อันดับที่ 7 ของเอเชีย

0
261
image_pdfimage_printPrint

เซเรซัส บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูล ได้เผยแพร่ รายงานดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันของฟินเทค (FinTech Competitiveness Index Report) ฉบับแรกในเอเชีย ซึ่งได้นำเสนอบลูพริ้นท์การพัฒนาฟินเทคโดยการเปรียบเทียบ 10 ประเทศในเอเชีย

รายงานสรุปว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันของฟินเทคของไทยอยู่อันดับที่ 7 จาก 10 ประเทศที่มีการสำรวจ และเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศมาเลเซียในกลุ่มประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มีคำแนะนำให้ประเทศไทยปรับปรุงยุทธศาสตร์การสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (customer experience) เชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้จากคุณค่าของการรวมบริการด้านการธนาคารดิจิตอลและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การติดตั้งระบบบริหารจัดการที่ใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลของสภาพแวดล้อมทางการเงินในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวข้ามและเอาชนะคู่แข่งในการแข่งขันได้

รายงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า สิงคโปร์เป็นผู้นำด้านฟินเทคในภูมิภาค โดยให้คะแนนรวมโดยเฉลี่ย 58 คะแนน ตามด้วยฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คือ 70 โดยการทำรายงานดังกล่าวใช้วิธีการดึงข้อมูลจากเว็บเพจส่วนที่ต้องการมาเรียกใช้งาน (web scrapping) และแบบจำลองทางสถิติ (statistical modeling) นอกเหนือจากปัจจัยเอื้อในเรื่องสภาพแวดล้อมในการลงทุนธุรกิจที่มีเสถียรภาพแล้ว สิงคโปร์ยังมีความโดดเด่นในด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและความก้าวหน้าด้านกฎระเบียบ

สำหรับในบรรดาประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต ประเทศไทยเป็นรองแค่มาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้คะแนนสูงในด้านความก้าวหน้าของกฎเกณฑ์ อันเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างประเทศ, การริเริ่ม sandbox และการส่งเสริมให้ใช้ API แบบเปิดกว้าง

มิสเตอร์จอย ลิน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เซเรซัส กล่าวว่า “เศรษฐกิจดิจิตอลภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ถือเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาฟินเทคของประเทศไทย” ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการรวมบริการธนาคารดิจิตอลในระยะเริ่มต้นเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรโดยใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน

“ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับการริเริ่มฟินเทค ก็คือ ทำให้ข้อมูลมีมูลค่า ตั้งแต่การบันทึกข้อมูลธุรกรรมไปจนถึงพฤติกรรมการบริโภค บริการด้านการธนาคารดิจิตอล ซึ่งมีผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซและผู้ค้าปลีกเข้าร่วม จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถทำการโอนเงินและการซื้อแบบเรียลไทม์ข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น” มิสเตอร์ลินกล่าวเสริม

เซเรซัส บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูล (data science) ระบุว่าจะสามารถพัฒนาขั้นตอนการวิเคราะห์ประวัติการทำธุรกรรมของธนาคาร กิจการของฟินเทค และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงิน โดยการวิเคราะห์การใช้เงินของบุคคล การให้คะแนนเครดิตสำหรับผู้บริโภคและการแบ่งส่วนข้อมูลลูกค้า ซึ่งสามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดในอนาคตได้ดีขึ้น ก็จะเป็นไปได้ ตรรกะเดียวกันนี้สามารถประยุกต์ใช้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้สามารถสร้างประวัติเครดิตระดับองค์กรสำหรับการขยายธุรกิจได้

นอกเหนือจากการสนับสนุนจากภาครัฐ มีคำแนะนำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยผนวกแนวคิดเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้าเข้าไปไว้ในกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตอลของตน โดยใช้ประโยชน์จากคุณค่าของข้อมูลที่รวบรวมได้จากแพลตฟอร์มธุรกรรมที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินแบบเรียลไทม์ที่สะดวกง่ายดายแก่ลูกค้าบุคคลและสถาบัน

รายงานดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันของฟินเทคในกลุ่มประเทศเอเชียนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงประจักษ์และวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยแบ่งเป็น 8 ปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาฟินเทค ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมือง, เสถียรภาพในการลงทุน, แรงดึงดูดใจทางการเงิน, บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ, ความก้าวหน้าด้านกฎเกณฑ์, โครงสร้างผู้บริโภคและตลาด, สภาพแวดล้อมของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ