เซลโดรน อิงค์ ระดมทุน 60 ล้านดอลลาร์ใน Series B เพื่อขยายกองเรือโดรนเดินสมุทรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานลม พร้อมเร่งการขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ
เซลโดรน อิงค์ (Saildrone, Inc.) ผู้ให้บริการข้อมูลความละเอียดสูงเกี่ยวกับมหาสมุทร ซึ่งเก็บรวบรวมผ่านทางยานผิวน้ำไร้คนขับ (Unmanned Surface Vehicle) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ปิดการระดมทุน Series B มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายกองเรือโดรนเดินสมุทรทั่วโลก เพื่อช่วยตรวจสอบสภาวะของโลกในเวลาจริง สำหรับการระดมทุนครั้งนี้นำโดย Horizons Ventures ร่วมด้วยผู้ลงทุนเดิมซึ่งได้แก่ Capricorn’s Technology Impact Fund, Lux Capital, Social Capital และ The Schmidt Family Foundation ส่งผลให้มูลค่าการระดมทุนทั้งหมดของบริษัทนับตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจในปี 2016 จนถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 90 ล้านดอลลาร์
เซลโดรนมุ่งหวังที่จะมองเห็น “โลกในเชิงปริมาณ” ผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานยุคหน้าของมหาสมุทร เพื่อให้ข้อมูลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำความเข้าใจสภาพอากาศ การจัดการประชากรปลา และการสร้างวิทยาศาสตร์ทางทะเล ณ บริเวณแหล่งกำเนิดในขนาดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนและคุ้มค่าที่สุดในอุตสาหกรรม โดยนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เซลโดรนประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐ เช่น NOAA และ NASA เพื่อสังเกตการณ์มหาสมุทรด้วยคุณภาพระดับสูง โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัทเพิ่งประกาศความร่วมมือเป็นเวลาหลายปีกับ CSIRO ของออสเตรเลีย และการเปิดดำเนินงานในมหาสมุทรใต้จากเมืองโฮบาร์ต รัฐแทสเมเนีย ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการขยายกิจการของบริษัท นอกจากนี้ เซลโดรนยังได้เปิดโรงงานผลิตที่ก้าวล้ำขนาด 200,000 ตารางฟุตในอะลาเมดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งการขยายโรงงานในครั้งนี้จะช่วยให้เซลโดรนสามารถเร่งการผลิต และประจำการเรือไร้คนขับหรือเรือโดรนจำนวน 1,000 ลำให้ครอบคลุมมหาสมุทรทั่วโลกที่ระดับความละเอียด 6×6 องศา
“นี่เป็นหลักชัยสำคัญสำหรับเซลโดรน เนื่องจากการสร้างและวางโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกระบบใหม่นี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ของเราในการมองเห็น ‘โลกในเชิงปริมาณ'” ริชาร์ด เจนกินส์ ซีอีโอกล่าว “กองเรือโดรนที่เรากำลังสร้างขึ้นนี้จะให้ข้อมูลจากแหล่งกำเนิดด้วยความละเอียดสูงอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับโลกตามลำดับขนาด อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชากรส่วนใหญ่ของโลก”
“บิ๊กดาต้าสามารถช่วยให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสภาวะของโลกหลายชั่วอายุคน” บาร์ท สวอนสัน ที่ปรึกษาของ Horizons Ventures กล่าว “เซลโดรนเป็นผู้นำการวัดการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นในเชิงปริมาณ และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ช่วยเซลโดรนเปลี่ยนแปลงแนวคิดของโลกเชิงปริมาณให้กลายเป็นความจริง ด้วยการบรรลุเป้าหมายเรื่องความครอบคลุมมหาสมุทรทั่วโลก”
ไบลัล ซูเบริ หุ้นส่วนจาก Lux Capital กล่าวว่า “เซลโดรนมีจุดมุ่งหมายที่จะไขความลับของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล เพื่อประโยชน์ทั้งทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม โดยนักวิทยาศาสตร์จะสามารถตรวจสอบสภาวะของมหาสมุทรที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาจริงแบบนาทีต่อนาที ขณะที่รัฐบาลก็สามารถติดตามผลกระทบของการขุดเจาะนอกชายฝั่ง บริษัทประมงสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจับปลาในบริเวณหนึ่งมากเกินไปแล้วและถึงเวลาที่จะเดินเรือไปยังจุดหมายต่อไป ส่วนธุรกิจต่างๆ ก็สามารถสร้างแบบจำลองสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยผลจากการรวบรวมและตีความข้อมูลใหม่ทั้งหมดนี้จะลึกและทรงพลังเหมือนกับมหาสมุทร”
“เราได้ลงทุนในกลุ่มดาวเทียมที่ทำหน้าที่สำรวจโลก และรู้สึกตื่นเต้นที่จะเริ่มการผจญภัยครั้งใหม่นี้ เพื่อสำรวจมหาสมุทรต่างๆ ของโลก เซลโดรนจะนำสิ่งที่ SpaceX and Planet มอบให้กับอุตสาหกรรมอวกาศ มาเป็นข้อมูลมหาสมุทรและสภาพอากาศที่สามารถเข้าถึงได้ในราคาไม่แพงและเชื่อถือได้” เอียน ยาดิกาโรกลู หุ้นส่วนผู้จัดการของ Capricorn’s Technology Impact Fund กล่าว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเซลโดรนได้ที่ www.saildrone.com
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/690494/Saildrone_Inc_ocean_data.jpg