1

เครื่องนอน เรื่องที่ต้องใส่ใจ “ขั้นสูงสุด” รู้หรือไม่… “เส้นใย” ก็สำคัญ

เชื่อว่าหลายๆคนคงต้องมีอาการลังเล หรือสับสนทุกครั้งที่ต้องเลือกซื้อสินค้าเครื่องนอนชุดใหม่ เนื่องด้วยมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรในการเลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย สีสัน และความเป็นแฟชั่น ที่ต้องเลือกให้เหมาะกับรสนิยมความชอบและบุคลิกลักษณะของตน รวมทั้งให้เหมาะกับสไตล์ของห้องนอน แล้วยังจะมีปัจจัยเรื่องเนื้อผ้ามาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงเท่านี้ก็เป็น “โจทย์หิน” ให้ต้องกุมขมับ สอบถามผู้รู้กันให้วุ่นแล้ว และสำหรับผู้ใส่ใจในสุขภาพนั้น ต้องลงลึกถึงคุณสมบัติของ “เส้นใย” ที่ทั้งอัพเดทเทคโนโลยีและมีนวัตกรรมปกป้องภูมิแพ้กันเลย

Koso_Head On

นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง ผู้บริหารสาวเก่งแห่งบริษัท เค เอ็น เค เอ็น รีเทล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ออสซิโน (AUSSINO) แบรนด์ชุดเครื่องนอนแฟชั่นคุณภาพสูงจากออสเตรเลีย และกูรูด้านเครื่องนอน แนะนำวิธีเลือกชุดเครื่องนอนแสนรัก หวังเป็น “ไกด์บุ๊ก” ไว้ใช้ชอปปิ้งเครื่องนอนทุกครั้ง ว่า การนอนหลับอย่างมีคุณภาพผู้นอนต้องรู้สึกทั้งสบายกายและสบายใจไปพร้อมๆกัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้นอนได้อย่างสบายการคือเรื่องของเนื้อผ้า โดยเนื้อผ้าที่เหมาะกับอากาศร้อนตลอดปีอย่างบ้านเราควรเป็นเนื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ  โดย ผ้าคอตต้อน 100% มักนิยมนำมาใช้มากที่สุดเพราะระบายอากาศได้ดี และมีความทนทาน แต่ถ้าอยากได้สัมผัสนุ่มนวลมากขึ้น เนื้อผ้ามีความเงางาม แต่ยังคงระบายอากาศได้ดี ก็ต้องใช้ ผ้าคอตต้อนซาติน ที่ผลิตจากเส้นใยคอตต้อน 100% เช่นกัน แต่ผ่านกระบวนการกรรมวิธีถักทอแบบพิเศษ หรือจะลองใช้ทางเลือกใหม่อย่าง ผ้าเจอร์ซี่ ที่ยืดหยุ่นสูง ไม่ยับง่าย ให้ความอุ่น นุ่ม และสบายไม่ต่างจากเสื้อยืดก็ได้ รวมทั้งต้องคำนึงถึง ความหนาแน่นของเส้นด้ายในการถักทอ ซึ่งความหนาแน่นของเนื้อผ้าที่ 260- 500 เส้นด้าย ก็เพียงพอให้หลับสบายแล้ว โดยเนื้อผ้าที่มีความหนาแน่นมากขึ้นก็จะมีราคาสูงขึ้นเช่นกัน

ส่วนปัจจัยที่จะสร้างความสุข ความสบายใจยามนิทราคงหนีไม่พ้น ลวดลายของชุดเครื่องนอน ซึ่งในปัจจุบัน มีลวดลายให้เลือกทั้ง ลายพิมพ์ (Print)  โดยลายพิมพ์คุณภาพจะต้องผ่านกระบวนการพิมพ์แบบ Reactive Print ที่ทำให้ลายพิมพ์ที่ได้ ทั้งสวยงามคมชัด และสีติดแน่น ไม่ตกหรือซีดจางแม้ผ่านการซักหลายครั้ง ทั้งยังให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้างเหมือนการพิมพ์ลายโดยทั่วไป ส่วนชุดเครื่องนอนที่เป็น ลายปัก (Embroidery) มักจะใช้สำหรับปลอกผ้านวมเท่านั้น โดยจะใช้วัสดุหลากหลายทั้งเส้นด้ายหลายสีสัน ดิ้นสีเงินและทอง หรือแม้แต่เลื่อมหลากสี และการใช้เทคนิคการปักที่หลากหลาย ทั้งการใช้ศิลปะการตัดปะผ้า (Applique) หรือการปักลายให้ผสมผสานกลมกลืนไปกับลายพิมพ์ ซึ่งล้วนส่งผลให้ลายปักดูสวยงามโดดเด่นและมีมิติได้ทั้งนั้น

 

แต่ที่หลายคนอาจลืมที่จะนึกถึงเวลาช้อปชุดเครื่องนอน ก็คงจะเป็นเรื่องที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน  อย่าง ผลิตภัณฑ์บรรจุใย ไม่ว่าจะเป็น หมอนหนุน หมอนข้าง หรือไส้ผ้านวม ที่ทุกวันนี้มี “ทางเลือกของเส้นใย”ให้ผู้ใช้เครื่องนอนได้เลือกหลากหลาย นอกจากเส้นใยธรรมชาติอย่าง คอตต้อน (100% Cotton) ซึ่งมีราคาไม่แพง และเหมาะกับอากาศร้อนชื้นแล้ว ยังมี เส้นใยไผ่ (Bamboo Fibre) ที่มีน้ำหนักเบาและให้สัมผัสที่นุ่มนวลอย่างน่าอัศจรรย์ แถมยังระบายอากาศและความชื้นได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งยังทำให้รู้สึกอบอุ่นในหน้าหนาวและเย็นสบายในหน้าร้อน แต่สิ่งที่โดดเด่นและทำให้ เส้นใยไผ่น่าเลือกสรรกว่าเส้นใยอื่นๆ เพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากต้องการเส้นใยระดับพรีเมี่ยมคงต้องลองใช้ขนห่าน (Goose Down) ที่ทำจากขนห่านอ่อน ที่ให้ความอบอุ่น ระบายอากาศดีเยี่ยม และคงความนุ่มฟูได้ตลอดอายุการใช้งาน หรืออาจเลือกเส้นใยไหม (100% Silk) ที่ผลิตจากใยไหมคุณภาพชั้นเลิศ ให้ความอุ่น นุ่มสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสภาพอากาศ

ส่วนคนที่อยากสบายกระเป๋า(ตังค์) คงต้องหันมามอง  เส้นใยสังเคราะห์ที่มีให้เลือกทั้งเส้นใยไมโครไฟเบอร์ (Microfibre Polyester) ที่มีน้ำหนักเบา มีความนุ่มฟู และคุณสมบัติที่ใกล้เคียงขนห่านธรรมชาติ แต่ราคาย่อมเยากว่ามากจนได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่าซูเปอร์ดาวน์( Superdown) เส้นใยไฟเบอร์ 7 รูระบายอากาศ (7-Hole Polyester)หรือเส้นใยไฟเบอร์ 9 รูระบายอากาศ (9-Hole Polyester)ก็น่าจับจองเป็นเจ้าของ เพราะถ่ายเทอากาศได้ดี เส้นใยมีความคงรูปได้ดีเช่นกัน ส่วนคุณสมบัติเรื่องอายุการใช้งานอาจเสียเปรียบเส้นใยธรรมชาติเล็กน้อยเท่านั้นเอง

เพียงเท่านั้นยังไม่พอ เพราะผู้ใช้เครื่องนอนยังต้องการการนอนที่ถูกสุขอนามัย ดังนั้นในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บรรจุใยทุกครั้งอย่าลืมมองหาสัญลักษณ์ Sanitized ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานระดับสากล ที่จะทำให้ปราศจากไรฝุ่น ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเชื้อรา แถมยังปลอดกลิ่นอับชื้นอันไม่พึงประสงค์ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย