“เคพีเอ็น” ร่วมมือ “อับราจ แคปปิตอล เอเซีย” กองทุนระดับโลกจาก ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พัฒนา “เคพีเอ็น อะคาเดมี” เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการศึกษา
และพัฒนาศักยภาพบุคลากร พร้อมวางแผนลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ
กลุ่มเคพีเอ็น ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเพื่อการลงทุนชั้นนำระดับโลก อับราจ แคปปิตอล เอเซีย (Abraaj Capital Asia Pte Ltd.) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Private Equity จากดูไบ ตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด” พร้อมมุ่งขยายตลาดด้านการศึกษา และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในประเทศไทย ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืน
ณพ ณรงค์เดช ประธาน บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด (KPN Academy Co., Ltd.) เผยถึงความร่วมมือลงทุนกับ อับราจ แคปปิตอล เอเซีย กลุ่มบริษัทกองทุนชั้นนำของโลก ซึ่งมีการลงทุน ที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายธุรกิจมาแล้วทั่วโลกรวมถึงด้านการศึกษา ทั้งนี้ด้วยประสบการณ์ของ อับราจ แคปปิตอล เอเซีย จะสามารถช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ เคพีเอ็น อะคาเดมี ให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโอกาสการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในอนาคต
“คนทั่วไปอาจรู้จักเคพีเอ็นในฐานะโรงเรียนสอนดนตรีจากชื่อเสียงของ “เคพีเอ็น มิวสิค อะคาเดมี” ซึ่งอันที่จริงแล้วเคพีเอ็นยังมีองค์ความรู้ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและพัฒนาศักยภาพอีกมากมาย อาทิ บริษัทฝึกอบรมบุคลากรสำหรับองค์กรต่างๆ, สถาบันกวดวิชา (Tutor), สถาบันสอนภาษาจีน, บริษัทผลิตซอฟท์แวร์ ด้านการศึกษาแบบ E-Learning ฯลฯ ดังนั้นช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เราจึงปรับโครงสร้างธุรกิจด้านการศึกษาใหม่ให้มาอยู่ภายใต้การนำของ บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด ซึ่งจะเป็นบริษัทแม่ที่กลุ่มเคพีเอ็น ร่วมทุนกับกลุ่มอับราจ แคปปิตอล เอเซีย โดยมีบริษัทลูกรวม 7 บริษัท มีแผนการลงทุนและงบประมาณเพื่อขยายสาขาและกิจการเพิ่มเติมมากกว่า 600 ล้านบาท”
บริษัทในเครือที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้การร่วมทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย
1.บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค อะคาเดมี จำกัด (KPN Music Academy) โรงเรียนสอนดนตรี ที่มีจำนวนสาขามากกว่า 64 สาขาทั่วประเทศไทย รวมทั้งจำหน่ายเครื่องดนตรีมากกว่า 40 แบรนด์
2. บริษัท สยาม วิลสัน เลิร์นนิ่ง จำกัด (Siam Wilson Learning) ผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรมทักษะการทำงานให้แก่บุคลากร
3.บริษัท อินโนเวทีฟ เลิร์นนิ่ง แอนด์ ดีไซน์ จำกัด (Innovative Learning & Design) เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพเฉพาะด้าน
4.บริษัท เพนต้า ซิสเต็มส์ จำกัด (Penta Systems) ดำเนินธุรกิจด้านอีเลิร์นนิ่ง (E-Learning) พัฒนาระบบไอทีอย่างเต็มรูปแบบเพื่อใช้กับการเรียนการสอน
5.บริษัท เคพีเอ็น ไชนีส อะคาเดมี จำกัด (KPN Chinese Academy) สถาบันสอนภาษาจีน ภายใต้ชื่อ “KPN CCC” ที่มีสาขาจำนวน 4 สาขาในกรุงเทพมหานคร
6.บริษัท เคพีเอ็น ติวเตอร์ริง จำกัด (KPN Tutoring) สถาบันกวดวิชาที่มีชื่อเสียงภายใต้ ชื่อสถาบัน JIA ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศไทยกว่า 34 สาขา และมีวิชาหลากหลายให้แก่นักเรียนวัยต่างได้เลือกเรียน เช่น ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, เคมี เป็นต้น
7.บริษัท สปอร์ต โซไซตี้ จำกัด (Sport Society Co.) ดำเนินธุรกิจพัฒนาและการจัดกิจกรรมด้านกีฬาหลากหลายชนิด เช่น เทนนิส, ฟุตบอลและกอล์ฟ เป็นต้น
ด้าน มร. โอมาร์ เค. โลดิ (Mr. Omar K. Lodhi) หุ้นส่วน และประธานภูมิภาค เอเซียตะวันออก อับราจ แคปปิตอล เอเซีย (Abraaj Capital Asia Pte Ltd.) กล่าวเสริมว่า “อับราจรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาลงทุนกับกลุ่มเคพีเอ็น โดยเฉพาะใน บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี ซึ่งเป็นธุรกิจด้านการศึกษาที่ทาง อับราจให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยอับราจจัดเป็นบริษัทกองทุนประเภท Private Equity ที่สนใจ ด้านการลงทุนในประเทศที่กำลังเติบโตทั่วโลก อาทิ ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, เอเชีย, ลาตินอเมริกา เป็นต้น มีขนาดกองทุนมากกว่า 250,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา อับราจได้ทำการลงทุนไปมากกว่า 200 บริษัท ครอบคลุมทั้งธุรกิจการศึกกษา, การดูแลสุขภาพ, โลจิสติกส์ รวมถึงธรุกิจอื่น ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
สำหรับประเทศไทย เป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพ มีสัญญาณอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีขนาดของจำนวนประชากรที่ค่อนข้างใหญ่ รวมถึงรายได้เฉลี่ยต่อคนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเรามองว่าจากนี้จนถึงปี 2030 อัตราการเติบโตถึง 2 ใน 3 ของธุรกิจโลกจะมาจากตลาดกลุ่มนี้ จะมีประชากรที่มีรายได้ระดับชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,000 ล้านคน จากประสบการณ์การลงทุน ในธุรกิจการศึกษาของอับราจ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเสริมให้ บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี เติบโต ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ทั้งในประเทศไทยเองและระดับภูมิภาค”
“การร่วมทุนกับอับราจในครั้งนี้ ไม่ได้มองเฉพาะเรื่องการเพิ่มศักยภาพทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องขององค์ความรู้ โลกทัศน์และเครือข่ายพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้น เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโต ได้อย่างยั่งยืนต้องมาจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และพื้นฐานที่สำคัญ คือ การศึกษาที่ดี นอกจากนั้นแล้ว เคพีเอ็นยังต้องการที่จะช่วยสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพของสังคม สร้างอนาคต ส่งเสริมภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศไทย ซึ่งจุดนี้คือสิ่งที่เราภาคภูมิใจอย่างที่ไม่อาจหาอะไรมาประเมินค่าได้” คุณณพ กล่าวทิ้งท้าย