1

อุตสาหกรรมการผลิต ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการใช้ไฮบริดคลาวด์

บริษัทผู้ผลิตจะใช้ระบบมัลติคลาวด์เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในอีกสองปีข้างหน้า

กรุงเทพฯ – 20 มิถุนายน 2562 – นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งระดับองค์กรเผยผลสำรวจ Enterprise Cloud Index ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเป็นการวัดผลแผนปฏิบัติงานขององค์กรในการนำระบบไพรเวท พับลิคคลาวด์ และไฮบริดคลาวด์มาใช้ในองค์กร รายงานชิ้นนี้เปิดเผยว่า ค่าเฉลี่ยในการใช้และการวางแผนใช้ไฮบริดคลาวด์ในอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบัน มีการนำไฮบริดคลาวด์ไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตถึง 19% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของการใช้งานไฮบริดคลาวด์ในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกเล็กน้อย นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตวางแผนที่จะเพิ่มการใช้งานไฮบริดคลาวด์ให้มากกว่าสองเท่าหรือมีการเข้าถึงการใช้งาน 45% ภายในระยะเวลาสองปี มากกว่าค่าเฉลี่ยการใช้งานไฮบริดคลาวด์ในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก 4%

อุตสาหกรรมการผลิตตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถึงทางตันในการใช้นวัตกรรม เนื่องจากมีความต้องการนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน แต่มักจะพบกับอุปสรรคของระบบไอทีเดิมๆที่ใช้งานอยู่ ทำให้ความสามารถในการเปลี่ยนผ่านต้องสะดุดหยุดลง โอกาสสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในความพยายามก้าวสู่ดิจิทัลรวมถึงก้าวสู่ “Industry 4.0” ทำได้โดยผู้บริหารต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างคุณค่า และไม่เพียงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบเดิม องค์กรการผลิตต่างเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านี้ นั่นคืออยู่ภายใต้ความกดดันที่ต้องสามารถสร้างผลการผลิตปัจจุบัน และตอบโจทย์เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ ในสภาวะที่การแข่งขันระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้น และยังต้องการการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต

ความท้าทายนี้ได้สร้างความต้องการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เกิดความสมดุลย์ระหว่างเป้าหมายในปัจจุบันและอนาคต ผู้นำด้านไอทีในอุตสาหกรรมการผลิตต้องเลี่ยงเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยในการหาลู่ทางเพิ่มรายได้ในระยะสั้น แต่พวกเขาควรมองหาโซลูชั่นระยะยาวที่เอื้อให้ทำงานแบบอัตโนมัติได้ ช่วยยกระดับการใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์มากขึ้น และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า ผลสำรวจ Enterprise Cloud Index ระบุว่า ผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งานอย่างจริงจังเพื่อความทันสมัย ไม่ยอมถูกทิ้งไว้ข้างหลังกับระบบเดิมๆ โมเดลของระบบคลาวด์นำเสนอโซลูชั่นที่มีความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และสามารถปรับให้เหมาะกับแต่ละองค์กรได้ ทำให้ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้โดยที่ไม่ต้องลดทอนคุณภาพลงไป

แม้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจมากถึง 91% ระบุว่าไฮบริดคลาวด์เป็นโมเดลการใช้งานไอทีในอุดมคติ แต่ระดับการเข้าถึงไฮบริดคลาวด์โดยเฉลี่ยทั่วโลกในปัจจุบันอยู่ที่ 18.5% ความแตกต่างอย่างมากนี้นับเป็นความท้าทายในการปรับเปลี่ยนไปใช้โมเดลไฮบริดคลาวด์ บริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตได้ระบุถึงอุปสรรคในการใช้ไฮบริดคลาวด์ทั่วโลก ประกอบด้วย ข้อจำกัดของแอปพลิเคชั่นแบบโมบิลิตี้ ความปลอดภัยของข้อมูลและการปฎิบัติตามกฎข้อบังคับ ประสิทธิภาพ การบริหารจัดการ และการขาดแคลนของบุคลากรด้านไอที เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ผู้ผลิตระบุถึงการขาดแคลนแรงงานด้านไอทีที่มากขึ้นในด้าน AI/ML, ไฮบริดคลาวด์, บล็อกเชน, การประมวลผล ณ จุดเริ่มต้นของข้อมูล/อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง

ผลสำรวจที่สำคัญอื่นๆ ประกอบด้วย

• 43% ของผู้ผลิตที่ตอบแบบสำรวจ ใช้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิมเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเบื้องต้น ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีอยู่ 41% เล็กน้อย

• อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตในปัจจุบันยังใช้บริการระบบซิงเกิลพับลิคคลาวด์มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ โดย 20% ของบริษัทด้านการผลิตเผยว่ายังใช้บริการแบบซิงเกิลคลาวด์อยู่ ค่าเฉลี่ยจากทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 12% ตัวเลขนี้จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความจริงที่ว่าผู้ผลิตเริ่มหันมาใช้ระบบคลาวด์เป็นทางออก บนพื้นฐานที่ว่าอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้ระบบไอทีเดิมๆ ไม่สามารถรับมือกับเวิร์คโหลด เนื่องจากการใช้งานระบบไอทีแบบดั้งเดิมของพวกเขาทำให้ไม่สามารถจัดการเวิร์คโหลดที่มีอยู่ได้

• ผู้ผลิตกำลังก้าวหน้าไปสู่ระบบไพรเวทคลาวด์: 56% ของผู้ผลิตที่ตอบแบบสำรวจเผยว่าพวกเขาใช้แอปพลิเคชั่นระดับองค์กรบนระบบไพรเวทคลาวด์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 7%

• ผู้ผลิตกำลังเผชิญกับอุปสรรคในการควบคุมค่าใช้จ่ายบนระบบคลาวด์ แรงจูงใจอย่างหนึ่งที่องค์กรต้องการใช้ระบบไฮบริดคลาวด์คือความต้องการที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายด้านไอที งบประมาณการใช้พับลิคคลาวด์ต่อปีขององค์กรอยู่ที่ 26% และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 35% ในอีกสองปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ องค์กรมากกว่าหนึ่งในสาม (36%) ที่ใช้ระบบพับลิค คลาวด์เผยว่าค่าใช้จ่ายด้านไอทีของพวกเขานั้นเกินงบประมาณที่ตั้งไว้

• อุตสาหกรรมการผลิตเลือกระบบรักษาความปลอดภัย และการปฎิบัติตามกฎระเบียบบ่อยมากกว่าบริษัทในอุตสหกรรมอื่นๆ เนื่องจากปัจจัยสำคัญคือการตัดสินใจว่าจะจัดการเวิร์คโหลดที่ใด ขณะที่ 31% ของผู้ตอบแบบสอบถามในทุกอุตสาหกรรม และภูมิภาคต่างๆ ระบุุให้ระบบรักษาความปลอดภัย และการปฎิบัติตามกฎระเบียบเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจอันดับหนึ่ง และ 34% ของอุตสาหกรรมการผลิตเลือกความปลอดภัย และการปฎิบัติตามกฎระเบียบเป็นปัจจัยอันดับต้น

ภาพรวมการเติบโตของการใช้ระบบไฮบริดคลาวด์ทั่วโลก และในอุตสาหกรรมต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะการเติบโตมากขึ้นแบบอัตโนมัติ และมีความคล่องตัวเพียงพอที่ทำให้องค์กรมีตัวเลือกในการซื้อ การสร้าง หรือการเช่าใช้ทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีได้ตามความต้องการของแอปพลิเคชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับประเทศไทย ไอดีซี ประเทศไทยได้เปิดเผยถึงแนวโน้มสำคัญที่จะนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายต่อผู้นำด้านไอทีไว้หลายประการและหนึ่งในนั้นคือ ภายในปี 2565 จะมีการใช้มัลติและไฮบริดคลาวด์มากขึ้น โดยแพลตฟอร์มคลาวด์จากผู้ให้บริการรายใหญ่สี่อันดับแรกจะโฮสต์ 80% ของการใช้งานด้าน IaaS/PaaS ในประเทศไทย แต่ภายในอีกหนึ่งปีถัดไป 70% ขององค์กรที่เป็น T100 ในไทยจะลดการใช้งานล็อกอินลงด้วยการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เป็นมัลติและไฮบริดมากขึ้น

ทั้งนี้ข้อมูลจากผลสำรวจ Cloud Readiness Index 2018 ของ Asia Cloud Computing Association พบว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการใช้งานคลาวด์อยู่ที่ระดับ 10 ในจำนวน 14 ประเทศที่ทำการสำรวจ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่มีการสำรวจเมื่อปี 2016

นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการผลิตกำลังลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านไอทีให้มีความทันสมัย และนำโซลูชั่นอุตสาหกรรม 4.0 มาใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในส่วนต่างๆ ของอุตสาหกรรม เช่น ส่วนการผลิต และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน โครงสร้างพื้นฐานระบบไฮบริดคลาวด์ช่วยให้ผู้ผลิตมีแนวทางใหม่ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่น และบริการแบบดั้งเดิมให้มีความทันสมัย ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในระยะยาวในส่วนของบิ้กดาต้า, ไอโอที และแอปพลิเคชั่นในระดับองค์กรยุคใหม่ๆ ในขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบมัลติคลาวด์ การศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เราเห็นว่าองค์กรการผลิตพร้อมที่จะเร่งการเติบโต และพร้อมเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านไอทีในอนาคต”

นูทานิคซ์มอบหมายให้บริษัท แวนสัน บอร์น ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีจำนวน 2,300 ราย รวมถึงผู้บริหารในองค์กรด้านการผลิตจำนวน 337 คนทั่วโลก ว่าปัจจุบันเขาต้องการใช้งานแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจของเขาบนระบบใด เขาวางแผนใช้งานแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจของเขาบนระบบใดในอนาคต ความท้าทายในการใช้งานระบบคลาวด์คืออะไร และความสำคัญของโครงการด้านคลาวด์เมื่อเทียบกับโครงการ และภารกิจอื่นๆ ทางด้านไอที ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มีขนาดธุรกิจ และภูมิภาคที่แตกต่างกัน มีทั้งทวีปอเมริกา ภูมิภาคยุโรป ตะวันออกลาง และแอฟริกา (EMEA) และเอเชีย-แปซิฟิก และญี่ปุ่น (APJ)

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน และผลการวิจัยทั่วโลกฉบับนี้ สามารถดาวน์โหลด “Nutanix Enterprise Cloud Index 2018” ได้ ที่นี่

เกี่ยวกับนูทานิคซ์
นูทานิคซ์เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ ช่วยให้ฝ่ายไอทีไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และสามารถมุ่งเน้นกับความสำคัญบนแอปพลิเคชั่น และบริการที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ บริษัททั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ Enterprise Cloud OS ของนูทานิคซ์ เพื่อให้บริหารจัดการแอปพลิเคชั่นได้ในคลิกเดียวและสามารถโยกย้ายไปมาได้ทั้งพับลิคคลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ และดิสทริบิวเต็ดเอจด์คลาวด์ ดังนั้นจึงสามารถใช้แอปพลิเคชั่นได้ทุกขนาด และทุกรูปแบบด้วยต้นทุนรวมที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้องค์กรสามารถให้บริการสภาพแวดล้อมไอทีประสิทธิภาพสูงตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ดูแลการทำงานของแอปพลิเชั่นต่างๆ สัมผัสประสบการณ์เสมือนคลาวด์อย่างแท้จริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nutanix.com หรือติดตามเราได้ที่ทวิตเตอร์ @nutanix

© 2019 Nutanix, Inc. All rights reserved. Nutanix, the Nutanix logo and the other Nutanix products and features mentioned herein are registered trademarks or trademarks of Nutanix, Inc. in the United States and other countries. All other brand names mentioned herein are for identification purposes only and may be the trademarks of their respective holder(s).