อาการ เข่าเสื่อม ( Knee Ostoearthritis ) เกิดจากความเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนที่ข้อเข่า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ท่าทางการใช้ชีวิต ที่ต้องงอเข่าเกิน 90 องศา หรือการออกกำลังกายที่หนักเกินไป ทั้งนี้อาการเข่าเสื่อมในช่วงแรกจะไม่มีอาการเจ็บปวด อาจจมีแค่ความรู้สึกขัดๆ ที่ข้อเข่า หรือมีเสียงดังตามข้อ เกิดจากการที่ข้อไม่ลงล็อคกันทำให้เสียสมดุล และมีอากาศอยู่ในช่องว่างข้างใน ซึ่งหากผู้ป่วยพบว่ามีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อปรึกษาและวินิจฉัยอาการ
วิธีการรักษา
แพทย์จะใช้วิธีการรักษาที่เรียกว่าการแพทย์ผสมผสาน หลักการ คือ หากเกิดอาการเสื่อมของเข่าจะต้องชะลอความเสื่อมก่อน โดยมักจะมีเหตุของความเสื่อม อาทิ มีสารอนุมูลอิสระเยอะเกินไป มีสารประเภทไกลคิเลชั่น หรือตัวพิษต่างๆ รวมไปถึงการกระทำของตัวเองที่ทำให้เกิดอาการเสื่อมได้ง่าย โดยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทางแพทย์เลือกใช้วิตามินอีที่คัดสรรมาจากธรรมชาติ ได้แก่ โทโคไตรอีนอล ( Tocotrienols ) ซึ่งเป็นวิตามินอีคุณภาพสูงสุดจากวิตามินอี 8 สายพันธุ์
ซึ่งขั้นตอนและวิธีการรักษาในเบื้องต้นแพทย์จะพาเข้าสู่กระบวนการให้ความรู้ก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนเพราะการรักษาจะต้องทำเป็นคอร์สให้ครบทั้ง 10 ครั้ง โดยจะมีการฉีดโกรทแฟคเตอร์ ( PRP ) หรือวิตามินธรรมชาติ คือสารที่จะช่วยกระตุ้นให้มีการฟื้นตัวอย่างธรรมชาติ จะทำการรักษาตามลำดับขั้น คือ ครั้งที่ 1 ทำการฉีดสารตัวกระตุ้น , ครั้งที่ 2 ฉีดวิตตามิน , ครั้งที่ 3 ฝังเข็ม ทั้งหมด 10 ครั้ง โดยจะฉีดสลับกับตัวกระตุ้น 3 ครั้ง ฉีดวิตตามิน 5 ครั้ง ฝังเข็ม 5 ครั้ง และอีก 3 ครั้งจะฉีดพร้อมกับตัวกระตุ้น โดยที่แพทย์จะนัดให้คนไข้มาพบสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การดูแลรักษาตัวเอง
การดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดอาการเข่าเสื่อม ทำได้โดยการบริหารเข่า โดยเหยียดเข่าตรงนับ 1-10 จากนั้นกระดกปลายเท้าและกดลงสลับข้างซ้ายและขวา ทำ 3 เวลา เช้า – กลางวัน – เย็น เซ็ทละ 10 หรือ 20 ครั้ง ควรตั้งเป้า 100 ครั้ง ต่อวัน หากทำต่อเนื่องกันทุกวันครบ 90 วัน กล้ามเนื้อเข่าจะมีความแข็งแรงมาก เนื่องจากกล้ามเนื้อได้สร้างและประคับประครองกระดูกอ่อนที่ได้สร้างไปแล้วด้วย
บทความโดย : นายแพทย์ ชนินทร์ ลีวานันท์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ชั้น 2 โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โทร. (02) 836 – 9999 ต่อ 4421