อะโดบี ครีเอทีฟ คลาวด์ ยกระดับการพัฒนาวิดีโอที่การประชุม NAB 2017

0
309
image_pdfimage_printPrint

อะโดบี ครีเอทีฟ คลาวด์ ยกระดับการพัฒนาวิดีโอที่การประชุม NAB 2017

เวอร์ชั่นล่าสุดมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้าน AI, VR, โมชั่นกราฟิก, ไลฟ์แอนิเมชั่น และระบบเสียง

กรุงเทพฯ — 24 เมษายน 2560—ก่อนหน้าการประชุมของสมาคมการกระจายเสียงแห่งชาติ (National Association of Broadcasting – NAB) อะโดบี (Nasdaq:ADBE) ได้เปิดตัวอัพเดตสำคัญสำหรับงานวิดีโอใน Adobe Creative Cloud (อะโดบี ครีเอทีฟ คลาวด์) เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตภาพยนตร์และผู้ผลิตวิดีโอประสานงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอ โซลูชั่นครีเอทีฟ คลาวด์ (Creative Cloud) รุ่นล่าสุดนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับกราฟิกและไตเติล แอนิเมชั่น การปรับแต่งเสียง และการแชร์ทรัพยากร พร้อมการสนับสนุนสำหรับรูปแบบวิดีโอล่าสุด เช่น HDR, VR และ 4K การผนวกรวมเข้ากับ Adobe Stock และความสามารถขั้นสูงทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Adobe Sensei พร้อมกันนี้ Adobe Experience Cloud (อะโดบี เอ็กซ์พีเรียนซ์ คลาวด์) ซึ่งได้รับการเปิดตัวที่งาน Adobe Summit 2017 จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถนำเสนอประสบการณ์วิดีโอที่มีการเชื่อมโยงบนหน้าจอที่หลากหลายในระดับที่กว้างขวาง ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและการหารายได้จากโฆษณา

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภคสำหรับคอนเทนต์ที่โดนใจและมีการปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละบุคคลส่งผลให้ผู้ผลิตวิดีโอต้องสร้าง นำเสนอ และหารายได้จากวิดีโอให้เร็วขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ตั้งแต่สตูดิโอขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้ผลิตวิดีโอยูทูบ จำเป็นที่จะต้องใช้โซลูชั่นแบบครบวงจรที่ปรับขนาดได้ตามต้องการ เพื่อรองรับการสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกัน และเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการทำงานด้านวิดีโอ โดยอาศัยระบบวิเคราะห์ข้อมูลและเครื่องมือโฆษณาที่แข็งแกร่ง เพื่อปรับปรุงคอนเทนต์และขับเคลื่อนคุณประโยชน์เพิ่มเติม

นายร็อบ เลกาโต้ ซึ่งเคยได้รับรางวัลออสการ์ถึง 3 ครั้ง และเป็นผู้กำกับดูแล VFX สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Jungle Book กล่าวว่า “ผมใช้โปรแกรมด้านงานครีเอทีฟของอะโดบีทุกโปรแกรม โดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานด้านเอฟเฟ็กต์ภาพตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกในภาพยนตร์ต่างๆ เช่น The Aviator, Avatar และ Hugo และตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมากแล้วเป็นผลมาจากนวัตกรรมขั้นสุดยอดของอะโดบี ไม่ว่าจะเป็น Dynamic Link ระหว่าง Adobe Premiere Pro และ After Effects, การผนวกรวม Cinema 4D เข้ากับ After Effects หรือเวิร์กโฟลว์แบบเนทีฟ ผมไว้วางใจเลือกใช้ Creative Cloud ในการสร้างภาพตัวอย่างและทำการทดลองอย่างอิสระกับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผมดูแล ซึ่งช่วยยกระดับกระบวนการครีเอทีฟของเราให้ดียิ่งขึ้น”

นายสตีเว่น วอร์เนอร์ รองประธานฝ่ายสื่อดิจิตอลของอะโดบี กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหาท้าทายที่ซับซ้อนและเพิ่มความสะดวกในการทำงาน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทุ่มเทเวลาและความพยายามให้กับการเล่าเรื่องและการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ การที่อะโดบีออกเวอร์ชั่นล่าสุดด้านวิดีโอของ Creative Cloud ผสานรวมวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำของ Adobe Sensei เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับงานทั่วไป ผู้ผลิตวิดีโอทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่หรือผู้ผลิตวิดีโอรายย่อยบนยูทูบ จะสามารถนำเสนอภาพสร้างสรรค์ที่สมจริง มีชีวิตชีวา โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านโมชั่นกราฟิกหรือระบบเสียง”

ผู้เข้าร่วมการประชุม NAB ในปีนี้จะมีโอกาสได้สำรวจตรวจสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมรับฟังข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมที่บูธจัดแสดงของอะโดบี (#SL4010, South Hall ที่ศูนย์การประชุมลาสเวกัส) รวมไปถึงบูธจัดแสดงของพันธมิตรกว่า 140 บูธ ในช่วงระหว่างวันที่ 22–27 เมษายน

เทคโนโลยีใหม่ๆ ขับเคลื่อนงานสร้างสรรค์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ความสามารถใหม่ๆ ในเครื่องมือวิดีโอของ Creative Cloud ได้แก่:

• เทมเพลตโมชั่นกราฟิก (Motion Graphics Templates) นำเสนอพลังของ After Effects สู่ Premiere Pro ด้วยเทมเพลตที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้สร้างสามารถเพิ่มเติมไตเติลที่สวยงาม แอนิเมชั่น และ Lower Third ให้กับวิดีโอ และสร้างเทมเพลตโมชั่นกราฟิกที่กำหนดเอง ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันผ่านไลบรารี Creative Cloud

• แผงปรับแต่งเสียง (Essential Sound Panel) ใน Premiere Pro ช่วยให้ผู้ใช้มิกซ์เสียงและปรับปรุงเสียง ซึ่งในอดีตจะต้องให้วิศวกรด้านเสียงทำงานในส่วนนี้แยกต่างหาก

• Camera Shake Deblur ใน After Effects จะช่วยกู้คืนภาพวิดีโอที่ไม่สามารถใช้การได้ ด้วยการลดปัญหาภาพเบลอเนื่องจากการสั่นไหวของกล้อง

• Character Animator (รุ่นเบต้า) ยังคงสานต่อการสร้างสรรค์อนาคตของไลฟ์แอนิเมชั่น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ชุบชีวิตให้กับหุ่นหลายตัวที่สร้างขึ้นในโปรแกรม Adobe Photoshop CC หรือ Adobe Illustrator CC และรองรับงานแอนิเมชั่นสำหรับร่างกายทุกส่วน ด้วยรูปแบบการเดินใหม่ๆ

• Team Projects (รุ่นเบต้า) ช่วยให้ Creative Cloud สำหรับทีมงานหรือองค์กร มีเวิร์กโฟลว์การประสานงานร่วมกันบนระบบคลาวด์ที่ปลอดภัย พร้อมทั้งรองรับ Dynamic Link และ Adobe Media Encoder เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานร่วมกัน

• ระบบเสียง Ambisonic ใน Premiere Pro ขยายการสนับสนุนแบบเนทีฟที่เหนือชั้นสำหรับ VR ด้วยระบบเสียงที่รับรู้ตำแหน่งสำหรับแพลตฟอร์มที่รองรับ VR เช่น YouTube และ Facebook

• การผนวกรวมเทคโนโลยีของบริษัทอื่นๆ หลายร้อยบริษัท เช่น การสนับสนุน Apple touch bar สำหรับ MacBook Pro และฟังก์ชั่น Microsoft Surface Dial ใน Premiere Pro พร้อมด้วย Shuttle Control ในไทม์ไลน์ รวมถึงการเปลี่ยนค่า Hot Float และข้อความ

ขับเคลื่อนด้วย Sensei
ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Adobe Sensei ซึ่งเป็นกรอบโครงสร้างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ผู้ใช้จะสามารถปรับระดับความดังของเสียงให้เท่ากันตลอดไทม์ไลน์ทั้งหมด ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวใน Premiere Pro หรือ Audition ส่วนใน Character Animator เทคโนโลยี Sensei ใช้อัลกอริธึมที่ซับซ้อนในแบบเรียลไทม์ เพื่อซิงค์ริมฝีปากของหุ่นให้ตรงกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใน Adobe Experience Cloud เอนจิ้นการแนะนำวิดีโอเรียนรู้จากจุดรับชมวิดีโอออนไลน์หลายแสนล้านจุด เพื่อนำเสนอเนื้อหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมาย

การผนวกรวมเข้ากับ Adobe Stock
ด้วยการผนวกรวมเข้ากับเวิร์กโฟลว์ Creative Cloud อย่างกลมกลืน ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรวิดีโอหลายล้านรายการของ Adobe Stock รวมถึงวิดีโอ 4K และ HD ทั้งยังสามารถค้นหาและดูตัวอย่างวิดีโอได้โดยตรงในแอพพลิเคชั่น และในรีลีสใหม่นี้ ผู้ตัดต่อที่ต้องการจัดจำหน่ายผลงานของตนเองจะสามารถจัดส่งผลงานไปยัง Adobe Stock ได้อย่างง่ายดายผ่านทางเวิร์กโฟลว์ Destination Publish ภายใน Premiere Pro และ Adobe Media Encoder และเข้าถึงผู้ซื้องานครีเอทีฟหลายล้านรายทั่วโลก ปัจจุบัน Destination Publishing ของอะโดบีสนับสนุนไซต์โซเชียลวิดีโอระดับชั้นนำของโลก โดยเผยแพร่วิดีโอไปยัง YouTube, Facebook, Twitter และ Behance ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงขั้นตอนเดียว

นายร็อบ คร็อกเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ Funnelbox และผู้แต่งหนังสือ Stock Footage Millionaire กล่าวว่า “ผมได้ถ่ายทำ ตัดต่อ และอัพโหลดวิดีโอสต็อกมานานกว่า 10 ปี ความสามารถใหม่ในการจัดส่งผลงานไปยัง Adobe Stock จาก Premiere Pro โดยตรงนับเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมาก ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการอัพโหลดและจำหน่ายวิดีโอสต็อก ฟีเจอร์ใหม่นี้คือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับผู้ผลิตวิดีโอสต็อก”

แนะนำ Pond 5 สำหรับ Adobe Stock
นอกจากนี้ อะโดบียังได้เปิดเผยถึงความร่วมมือกับ Pond5 ซึ่งจะช่วยขยายการนำเสนอวิดีโอใน Adobe Stock โดยมีการคัดสรรผลงานจากชุมชนศิลปินระหว่างประเทศ ประกอบด้วยคอนเทนต์ที่ทันสมัยในหลากหลายหมวดหมู่ เช่น ไลฟ์สไตล์ สันทนาการ กีฬา ภาพยนตร์ และภาพถ่ายวิดีโอทางอากาศ การเพิ่มเติมไลบรารีวิดีโอ Pond5 จะช่วยให้ผู้ผลิตวิดีโอและนักออกแบบเข้าถึงหนึ่งในคอลเลกชั่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด โดยทั้งหมดนี้ถูกผนวกรวมเข้ากับแอพพลิเคชั่น Creative Cloud ทั้งหมดอย่างกลมกลืน ภายใต้ความร่วมมือกับอะโดบี ผู้สนับสนุน Pond5 จะสามารถเข้าถึงตลาดผู้ซื้อผลงานครีเอทีฟที่กว้างขวางมากขึ้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบล็อกโพสต์ )

การผนวกรวมเข้ากับ Adobe Experience Cloud
เนื่องจากความต้องการของผู้สร้างวิดีโอ ตั้งแต่เอเจนซี่ด้านครีเอทีฟไปจนถึงบริษัทสื่อ มีความเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่สอดคล้องกับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดังนั้น Adobe Experience Cloud จึงก่อให้เกิดประโยชน์ในทุกขั้นตอนตลอดเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอ ตั้งแต่การนำเสนอ ตรวจวัด และสร้างรายได้บนหน้าจอที่หลากหลาย ด้วยแพลตฟอร์มการจัดการสื่อโทรทัศน์ของอะโดบี บริษัทสื่อและผู้จัดรายการสามารถใช้ประโยชน์จากระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น Adobe Analytics Cloud รองรับการตรวจวัดประสิทธิภาพของคอนเทนต์วิดีโอที่เผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียภายใน Premiere Pro และช่วยให้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการคาดการณ์เกี่ยวกับโฆษณาวิดีโอมีความแม่นยำสูง

Adobe Advertising Cloud แก้ปัญหาช่องว่างระหว่างโฆษณาทางทีวีแบบเดิมๆ กับโฆษณาในรูปแบบวิดีโอดิจิตอล โดยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการวางแผนและซื้อโฆษณา รองรับการประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเอเจนซี่ด้านครีเอทีฟผ่านทาง Dynamic Creative Optimization (DCO) และเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับแบรนด์สำหรับวิดีโอโฆษณา ด้วยการผนวกรวมเข้ากับเทคโนโลยีของบริษัทอื่นๆ มากที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรม

ราคาและการวางจำหน่าย
ฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับ Adobe Creative Cloud ที่เปิดตัวในการประชุม NAB พร้อมใช้งานแล้ว ด้วยเวอร์ชั่นล่าสุดของ CC 2017 บริษัทฯ นำเสนอ Adobe Creative Cloud ในอัตราค่าบริการ 1,782 บาทต่อเดือน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกไปที่ www.adobe.com/go/video

เกี่ยวกับบริษัทอะโดบี ซีสเต็มส์ อินคอร์เปอร์เรทเต็ต
อะโดบีเปลี่ยนโลกผ่านประสบการณ์ด้านดิจิตอล รายละเอียดเพิ่มเติม www.adobe.com/sea
ติดตามอะโดบีผ่านเฟสบุ๊กที่ https://www.facebook.com/AdobeSEA/

© 2017 Adobe Systems Incorporated. All rights reserved. Adobe and the Adobe logo are either registered trademarks or trademarks of Adobe Systems Incorporated in the United States and/or other countries. All other trademarks are the property of their respective owners