อลิอันซ์ โชว์ผลประกอบการแข็งแกร่ง เติบโต 5.5 % เร่งเดินหน้าพิชิตเป้า 3.25 หมื่นล้านบาท
อลิอันซ์ อยุธยา โชว์ผลประกอบการแข็งแกร่งในไตรมาสแรก ปี 2560 โกยเบี้ยประกันภัยรับรวม 7.8 พันล้านบาท เติบโต 5.5 % ตั้งเป้าผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ และพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3.25 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ไตรมาสแรกของปี 2560 อลิอันซ์ อยุธยา สามารถโชว์ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นับเป็นผลงานที่ดี โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทาง 7.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่สุด มียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 2.9 พันล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ เติบโตต่อเนื่อง สร้างยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมถึง 2.6 พันล้านบาท ส่วนช่องทางการตลาดขายตรง ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท”
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเติบโต คือ การดำเนินกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นสร้างความแข็งแกร่ง ใน 3 ด้านได้แก่ 1) การเข้าสู่องค์กรเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไตรมาสแรก ได้มีการเปิดตัว My Allianz ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นเปี่ยมประสิทธิภาพสำหรับติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งพัฒนาระบบดิจิตอล เช่น การนำระบบ Robotic มาใช้เพื่อการดำเนินงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2) ผู้นำผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ในปีนี้ ยังคงเดินหน้าออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้า ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้มีการเปิดตัว “ประกันมะเร็งหายห่วง” นวัตกรรมล่าสุดที่เน้นจุดขายในเรื่องการคุ้มครองมะเร็งทุกระยะ ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การรักษา ติดตามผล รวมถึงการฟื้นฟูร่างกายและเยียวยาจิตใจ เบิกค่ารักษาได้ตามจริง ด้วยวงเงิน สูงสุด 9 ล้านบาท และปัจจุบัน บริษัทฯสามารถเติบโตสัดส่วนผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพได้ถึง 68.6% 3) การเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ โดยตลอดไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรม Life Changer นำเอาวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ รวมทั้งตัวแทนรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ เดินสายแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตสู่ความสำเร็จ โดย ณ เดือน พ.ค. มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 6,800 คน และมีตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นถึง 24%
ด้านกลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ประจำปี 2560 ระบุมีรายได้รวมทั้งสิ้น 36.2 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2.5% จาก 35.4 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.32 ล้านล้านบาท) ที่ทำได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้น 9.4% มาอยู่ที่ 2.9 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.07 แสนล้านบาท) เป็นผลจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ขณะเดียวกัน ผลกำไรจากการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยปรับตัวลดลงเนื่องจากการรับประกันภัยที่ลดลง รายได้สุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 15.3% มาอยู่ที่ระดับ 1.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท) จาก 2.1 พันล้านยูโร (ประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนได้รับผลกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวนหนึ่ง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและอัตราภาษีที่ลดลง กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) อยู่ที่ 4.00 ยูโร (ประมาณ 149 บาท) จาก 4.71 ยูโร (ประมาณ 175 บาท) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ต่อปีอยู่ที่ 12.4% (ปี 2560 อยู่ที่ 12.3%)
“ปี 2560 นี้ถอว่า อลิอันซ์ เริ่มต้นปีได้อย่างสวยงามด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อันจะส่งผลให้เราสามารถพิชิตเป้าหมายผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีที่ 10.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 4 แสนล้านบาท) บวกลบ 500 ล้านยูโร (ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท) ได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไม่เจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด วิกฤตการณ์หรือภัยพิบัติธรรมชาติที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้” นายดีเทอร์ เว็มเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน อลิอันซ์ เอสอี กล่าวและว่า “ถึงแม้เราจะจ่ายค่าสินไหมในอัตราที่สูงกว่าเดิมเนื่องจากเกิดความสูญเสียมหาศาลจากเหตุภัยพิบัติธรรมชาติร้ายแรง แต่เรายังคงมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นผลจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพและธุรกิจบริหารสินทรัพย์นั่นเอง ทั้งนี้ รายได้สุทธิของกลุ่มในไตรมาสนี้ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง หลังจากที่ปีที่ผ่านมาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมาแล้ว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการขายหุ้นนั่นเอง”
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 1 ยูโร = 37.14 บาท