บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ห่วงใยอนาคตเด็กไทย เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จโครงการ My Finance Coach ที่ริเริ่มโดยกลุ่มอลิอันซ์ มุ่งจุดประกายความสนใจ ให้ความรู้และเพิ่มพูนทักษะด้านการเงินแก่เยาวชน หวังติดอาวุธทางปัญญาเตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยสนใจศึกษาหาความรู้ด้านการเงิน เพื่อให้มีทักษะในการบริหารเงินและรายจ่ายอย่างชาญฉลาด ซึ่งจะเป็นหลักประกันในการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าในอนาคต
นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวถึงที่มาโครงการว่า “กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ อลิอันซ์ อยุธยา ได้ริเริ่มโครงการ My Finance Coach ขึ้นในประเทศเยอรมนี โดยได้นำความรู้ด้านการจัดการทางการเงินมาประยุกต์เป็นหลักสูตรสอนเยาวชนให้มีความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจและการเงินที่สามารถเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ ซึ่งโครงการประสบความสำเร็จอย่างมาก ทางกลุ่มอลิอันซ์จึงส่งต่อนโยบายและแบบแผนในการทำโครงการนี้ไปสู่บริษัทในกลุ่มอลิอันซ์ทั่วโลก เพื่อให้ดำเนินการในแต่ละประเทศ สำหรับในประเทศไทย อลิอันซ์ อยุธยา ได้นำโครงการแม่แบบ My Finance Coach มาต่อยอด ภายใต้แนวคิด ปันความรู้สู่เด็กไทย ซึ่งเป็นแนวคิดในการทำโครงการเพื่อสังคมของบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง”
อลิอันซ์ อยุธยา เริ่มต้นโครงการนำร่อง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 ที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร อนุญาตให้พนักงานครูอาสาที่ได้รับการอบรมการสอนตามหลักสูตรให้ความรู้ทางการเงินที่มีแนวทางมาจากกลุ่มอลิอันซ์ เข้าสอนเยาวชนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 6 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีอายุระหว่าง 10-12 ปี
หลักสูตรของโครงการ My Finance Coach มุ่งจุดประกายความสนใจ ให้ความรู้และเพิ่มพูนทักษะด้านการบริหารเงิน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียนและกระตุ้นให้นักเรียนใช้ความคิด เพื่อเชื่อมโยงบทเรียนเข้ากับชีวิตประจำวันได้ โดยบทเรียนแรกที่นำมาใช้สอนในประเทศไทยนั้น เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมเรื่องการเงิน การจับจ่ายซื้อของ ความจำเป็นกับความต้องการ ลักษณะนิสัยการใช้เงิน การใช้เงินอย่างชาญฉลาด และโฆษณามีผลอย่างไร นอกจากนี้ยังมีบททดสอบว่าตัวเองมีนิสัยการใช้จ่ายประเภทใด รวมทั้งรู้จักการบริหารความต้องการของตัวเองผ่านการเล่นละครบทบาทสมมติร่วมกับเพื่อนๆในชั้นเรียน โดยนักเรียนจะได้เรียนรู้และความสนุกสนานไปพร้อมๆ กัน จนถึงวันนี้มีโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ร่วมโครงการแล้วจำนวน 10 โรงเรียน รวมจำนวนนักเรียนเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 คน ซึ่งทั้งครูและนักเรียนได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นหลักสูตรที่สนุกและทำให้นักเรียนได้รับประโยชน์ในเรื่องการจัดการการเงินมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เด็กนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมและกล้าแสดงออกในความคิดของตน
“จากความสำเร็จดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีเป้าหมายที่จะนำหลักสูตรเข้าไปสอนในโรงเรียนให้ครบ 25 โรงเรียนภายในสิ้นปีนี้ พร้อมด้วยจำนวนนักเรียนที่เข้าโครงการถึง 1,500 คน โดยบริษัทฯได้เตรียมอบรมพนักงานอาสาสมัครเพิ่มเติม เพื่อที่จะขยายการอบรมต่อเนื่องในปีหน้าและปีต่อๆ ไป ด้วยความมุ่งหวังที่จะเห็นเด็กไทยมีความรู้ด้านการเงินเพิ่มมากขึ้น สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และปฏิบัติจนกลายเป็นคุณลักษณะที่ดีติดตัวเขาไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยทางการเงินในอนาคต ซึ่งนับเป็นการสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืน” นายไบรอัน กล่าวทิ้งท้าย
