นายจักรี สุจริตธรรม อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวภายหลังจากรับมอบเงินครบตามสัญญากรมธรรม์ ของ บมจ.สหประกันชีวิต ว่า ตอนแรกที่ตัดสินใจทำประกันชีวิตกับบริษัทสหประกันชีวิตนั้นมีวิธีคิดอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ วิธีที่ 1 เป็นการบังคับให้สะสมทรัพย์โดยการออม คนจะพัฒนาตัวเองไม่ได้ถ้าไม่รู้จักการออม เพราะฉะนั้นการออมทรัพย์ที่ฉลาดก็คือการออมแบบมีสัจจะโดยการทำประกันควบคู่กันไปด้วย และวิธีคิดที่ 2 คือ ตอนที่สมัครใจซื้อประกันครั้งแรกนั้นได้ทำงานอยู่ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ สหประกันชีวิตเป็นบริษัทที่สหกรณ์จัดตั้งขึ้นมา ดังนั้นเมื่อทำงานเป็นข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ อะไรที่สหกรณ์ทำ กรมส่งเสริมสหกรณ์จะต้องร่วมด้วย ส่งเสริมด้วย ไม่ใช่เฉพาะแต่ข้าราชการเท่านั้นนะ คณะกรรมการสหกรณ์ พนักงานสหกรณ์และสมาชิกของสหกรณ์ซึ่งมีเป็น 10 ล้านคน (ครอบครัวละ 1 คน) ถ้าตระหนักถึงตรงนี้บริษัทของขบวนการก็จะเข้มแข็ง
นายจักรี สุจริตธรรม กล่าวต่อไปว่า การที่ผมได้รับเงินคืนตามสัญญากรมธรรม์ ทำให้เห็นว่า ที่เคยได้ยินใครๆ พูดกันว่า “คนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำ” ไม่จริงเสมอไป อย่างผมนอกจากเงินก้อนนี้แล้วยังได้รับเงินคืนอีกทุกๆ ปีจนกว่าจะเสียชีวิต ผมคิดว่าที่ผมตัดสินใจทำไปนี้น่าจะเป็นกำไร ผมเชื่อว่าถ้าเราอยากลดความเสี่ยงให้กับคนที่เรารักก็ควรจะทำประกันเอาไว้ด้วย ในประเทศที่เจริญแล้วแต่ละคนจะมีกรมธรรม์หลายๆ ใบ นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการออมแล้ว ยังสามารถนำกรมธรรม์มาลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐเห็นด้วยกับการทำประกันเพราะถือเป็นการออม ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์บอกว่า Saving เท่ากับ Investment ถ้ามีการออมก็ทำให้เกิดการลงทุนเพื่อการพัฒนา ถ้าคนไทยไม่รู้จักการออมประเทศไทยก็ไม่มีการพัฒนา ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งของการออมก็คือการทำประกัน
“การทำประกันก็คือการออม ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้แก่คนที่เรารักโดยไม่ประมาท คนไหนที่ไม่ได้ทำประกันไว้ชีวิตก็จะอยู่ท่ามกลางความประมาทและไม่ฉลาดในการออม พร้อมกับเป็นประชาชนที่ไม่ดีในการช่วยพัฒนาชาติ ถ้าท่านสำนึกได้ว่าท่านรักตัวเอง รักคนอื่น และคนอื่นที่ไม่อยากให้เสี่ยงกับท่าน ไม่ผิดหรอกครับ เหมือนผมไงครับที่ลืมๆ ไปในที่สุดก็มีเงินก้อน และมีค่าตอบแทนที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กล่าว
