องค์กรของคุณใช้เครื่องมืออัตโนมัติด้านไอทีที่เหมาะสมหรือไม่
โดย เดเมียน หว่อง, ผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคอาเซียน, เร้ดแฮท
ระบบอัตโนมัติ (Automation) กำลังเปลี่ยนโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างแท้จริง ต้องขอบคุณอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อใหม่ๆ เช่น Amazon Echo Dot ที่ทำให้เราสามารถใช้คำสั่งเสียงของเราควบคุมระบบไฟต่างๆ ภายในบ้านได้ และในบางพื้นที่ยังสามารถสั่งพิซซ่าได้ด้วย ในทำนองเดียวกัน องค์กรต่างๆ จำนวนมากเริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากระบบไอทีอัตโนมัติเป็นกุญแจสำคัญของธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
ความสำคัญของระบบไอทีอัตโนมัติ
มีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยผลักดันเทรนด์นี้ ด้านหนึ่งคืองบประมาณด้านไอที และการจัดสรรคนเข้าทำงานในปีนี้ดูเหมือนทรงตัว เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมานายจ้างกำลังประสบปัญหาขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เหนือสิ่งอื่นใดก็มีหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ว่าองค์กรต่างๆ กำลังอยู่ภายใต้ความกดดันในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ทันกับพฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ระบบไอทีอัตโนมัติในอนาคต กับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี การประมวลผลแบบ batch และแบบ static scripts ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป วิธีการที่เป็นอัตโนมัติแบบ “deterministic” เหล่านี้ไม่สามารถรองรับเทคโนโลยีที่มีขนาดใหญ่อย่างระบบคลาวด์ในปัจจุบันได้ สิ่งที่เราต้องการอย่างเร่งด่วนคือ การทำงานแบบอัตโนมัติที่มีความเป็นระบบมากขึ้นที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของระบบคลาวด์และเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจไปพร้อมๆ กัน
ข่าวดีก็คือขณะนี้เร้ดแฮทมีโซลูชั่นดังกล่าวแล้ว เทคโนโลยีระบบไอทีอัตโนมัติระดับองค์กรเช่น Ansible และแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Ansible Tower ของเร้ดแฮทสามารถจัดการความท้าทายเหล่านี้ได้ดีที่สุด แม้ว่าจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการด้านไอทีที่สำคัญได้ เช่นการจัดสรรทรัพยากร การจัดการการตั้งค่า การใช้งานแอปพลิเคชั่น และการประสานการบริการภายใน
ตัวอย่างเช่นคุณสามารถปกป้ององค์กรของคุณจากภัยคุกคามไซเบอร์ในแต่ละวันได้ดียิ่งขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งไม่เพียงสามารถแก้ไขเซิร์ฟเวอร์ในเครือข่ายของคุณทั้งหมดได้ แต่ยังสามารถถอนสิ่งที่กำลังทำการอัพเกรดชั่วคราวจาก Load Balancer และระบบตรวจสอบได้ด้วย ในขณะที่สามารถจำกัดการหยุดชะงักทางธุรกิจได้
ขจัดขีดจำกัดด้วย Ansible
Ansible เป็นเทคโนโลยีโอเพนซอร์สระบบไอทีอัตโนมัติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในขณะนี้ และมีการนำไปใช้ในองค์กรที่อยู่ในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก Ansible แตกต่างจากเทคโนโลยีของคู่แข่งอื่นๆ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ ณ จุดใช้งาน และใช้งานได้โดยตรง นอกจากนี้ยังใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วย Playbooks ที่ทำให้ทุกคนในองค์กรอ่านและเข้าใจได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ด้านเทคนิคมาก
อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่แท้จริงของ Ansible คือ Playbook ทั้งนี้ Ansible Playbook แต่ละตัวประกอบด้วยคำสั่งที่กำหนดการทำงานอัตโนมัติ และการตั้งค่าต่างๆ นอกจากความง่ายแล้วกระบวนการทำงานของ Playbook ยังมีโมดูลที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้นับร้อยโมดูล โมดูลเหล่านี้มอบความสามารถในการจัดการทรัพยากรบนระบบคลาวด์ ระบบเครือข่าย และเกือบทุกองค์ประกอบของระบบไอทีที่สำคัญๆ หากพิจารณาถึงความสามารถที่มีให้กับระบบคลาวด์เพียงอย่างเดียว Ansible มีโมดูลที่ใช้สำหรับการทำงานร่วมกับ Amazon Web Services, Google Cloud Platform และผู้ให้บริการคลาวด์ที่เป็นที่นิยมอื่นๆ มากกว่า 300 โมดูล
ประโยชน์ที่โดดเด่นของ Ansible
เราได้เห็นเรื่องราวความสำเร็จระหว่างกลุ่มผู้ใช้ระบบ Ansible มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือ Fatmap บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศอังกฤษซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำข้อมูลด้านแผนที่ 3D บนโทรศัพท์มือถือสำหรับนักสกีที่มีรายละเอียดมากที่สุดในโลก กระบวนการดังกล่าวมีความซับซ้อน และต้องใช้เวลามากในการทำงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของระบบเครือข่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์บน Windows, OS X และ Linux ที่แตกต่างกัน
การใช้ Ansible เพื่อทำให้การใช้งานแอปพลิเคชั่นบน Fatmap เป็นไปอย่างอัตโนมัติ ใช้ระยะเวลารวมในกระบวนการทำงานบางส่วนลดลงจาก 17 ชั่วโมง เหลือเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ Ansible ยังช่วยในการรวมระบบต่างๆ ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งระบบอัตโนมัติในการทำงานสำคัญต่างๆ ในด้านการบริการและแอปพลิเคชั่นที่มีความราบรื่น
Ansible ที่ดีกว่าที่เคย
เราได้ประกาศให้ทราบถึงการพัฒนาระบบการทำงานของ Ansible ในการประชุม Red Hat Summit 2017 ที่ผ่านมา
Ansible รวมเข้ากับระบบ Red Hat Insights เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และตอบสนองได้อย่างชาญฉลาดสำหรับการรวบรวมข้อมูล สามารถแก้ไขปัญหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้อย่างอัตโนมัติโดยการสร้างในรูปแบบไดนามิคจากระบบ Ansible Playbook ซึ่งองค์กรต่างๆ จะสามารถลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทั้งในอตีต ปัจจุบัน และในอนาคตได้อย่างมหาศาล เป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนเกมในการต่อต้านความเสี่ยงจากเหล่าแฮกเกอร์ และอาชญากรไซเบอร์มากขึ้น
Red Hat CloudForms เวอร์ชั่นล่าสุด จะปฏิวัติการจัดการระบบคลาวด์ ซึ่งผสานระบบอัตโนมัติของ Ansible เพื่อลดความซับซ้อนในการปรับแต่งระบบไฮบริดคลาวด์ และมัลติคลาวด์ทั้งหมดที่จำเป็นที่สุด ด้วยการสนับสนุนจาก Ansible Playbook ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับใช้บริการด้านไอทีผ่านระบบคลาวด์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงการกำหนดนโยบาย และกระบวนการต่างๆ โดยอัตโนมัติ โดยทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดหรือสคริปต์ใดๆ
วิสัยทัศน์เกี่ยวกับองค์กรอัตโนมัติของเร้ดแฮท
การทำงานบนระบบอัตโนมัติ กลายเป็นสิ่งสำคัญชี้ให้เห็นถึงความทันสมัยของแต่ละองค์กร และเป็นกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล บนสภาพแวดล้อมทางไอทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย Ansible เป็นระบบที่ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ และเป็นแพลตฟอร์มระบบไอทีอัตโนมัติแบบ agentless ช่วยให้ทำงานซ้ำไปซ้ำมาได้อย่างอัตโนมัติ โดยใช้ภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย และยังเป็นโอเพนซอร์สอีกด้วย
Ansible กำหนด และจัดการระบบต่างๆ อุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ แอปพลิเคชั่น และเครื่องมือ ในขณะเดียวกันยังสามารถลดความซับซ้อน ด้วยการอธิบายโครงสร้างพื้นฐาน และกระบวนการต่างๆ ในรูปแบบ Ansible Playbook การที่เร้ดแฮทขยายการให้บริการ Ansible เร้ดแฮทช่วยให้องค์กรสามารถใช้ระบบอัตโนมัติได้อย่างแท้จริงและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกองค์กร
วิสัยทัศน์โดยรวมของเรา คือการมอบความสามารถที่จะทำให้ระบบต่างๆ ที่ซับซ้อน และใช้งานข้ามโดเมน สามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีเดียว ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการปูทางให้กับการมาถึงของยุคแห่งการเรียนรู้และแก้ปัญหาไอทีได้อย่างอัตโนมัติด้วยการใช้ Red Hat Insights อย่างไรก็ตามยังมีคำถามสำคัญคือ แพลตฟอร์มอัตโนมัติของคุณสามารถนำเสนอความสามารถเดียวกันได้หรือไม่ เราเสนอให้คุณให้อิสระกับแผนกไอทีของคุณในการสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ ด้วย Ansible