หัวเว่ย แสดงวิสัยทัศน์ซูเปอร์โฟน โทรศัพท์เคลื่อนที่แห่งอนาคต

0
333
image_pdfimage_printPrint

Shao-Yang_President-of-Strategy-Marketing_Huawei-Consumer-Business-Group

หัวเว่ยโชว์วิสัยทัศน์ทางด้านการพัฒนานวัตกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ และวิธีที่ “ซูเปอร์โฟน (Superphone)” โทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคหน้า จะนำพามนุษย์เข้าใกล้สู่โลกที่ความจริงทางกายภาพและดิจิทัลผสานเข้าเป็นสิ่งเดียวกันมากขึ้น

ด้วยพันธกิจการสร้างโลกที่เชื่อมโยงสื่อสารถึงกันได้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าผ่านนวัตกรรมต่างๆ โดยการถือกำเนิดขึ้นของ “ซูเปอร์โฟน” จะช่วยสร้างโลกที่ทุกสิ่งล้วนเป็นดิจิทัล สามารถเชื่อมต่อกัน ตลอดจนผสานและผนวกรวมอัจฉริยภาพของกันและกันได้อย่างไร้รอยต่อ

เมื่อมองย้อนไปถึงวิวัฒนาการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มธุรกิจคอนซูมเมอร์ ของหัวเว่ย ได้ข้อสรุปว่า ทุกอย่างเริ่มจากโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของโมโตโรล่าที่ออกสู่ตลาดในปี 2538 และได้พลิกโฉมวิธีการสื่อสารของผู้คนไปโดยสิ้นเชิง ต่อมาในปี 2550 โทรศัพท์ไอโฟนจึงได้ถือกำเนิดขึ้น และตามมาด้วยโทรศัพท์แอนดรอยด์ในอีกหนึ่งปีหลังจากนั้น หัวเว่ยเชื่อว่า หลังจากปี 2550 เป็นต้นมา เราจะได้เห็นการกำเนิดของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคใหม่ในรอบวัฏจักรทุกๆ 12 ปี จึงคาดการณ์ว่า “ซูเปอร์โฟน” โทรศัพท์ยุคอนาคตจะเกิดขึ้นในราวปี 2563 ซึ่งนับเป็นการเปิดโลกยุคใหม่ โลกที่ความจริงทางกายภาพที่สัมผัสได้จะผสมผสานไปกับความจริงแห่งโลกดิจิทัล

“ซูเปอร์โฟน” คืออะไร
“ด้วยแรงบันดาลใจจากวิวัฒนาการด้านชีววิทยา โทรศัพท์มือถือที่เรารู้จักในปัจจุบันจะกลายมาเป็น “ซูเปอร์โฟน” มร. เส้า หยาง ประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดกลยุทธ์ กลุ่มธุรกิจคอนซูมเมอร์ ของหัวเว่ย กล่าว “ความสามารถของ “ซูเปอร์โฟน” จะมีวิวัฒนาการและพัฒนาตัวมันเองไปสู่ความเป็นอัจฉริยะด้านดิจิทัล และสามารถช่วยให้เราสื่อสารกับโลกได้ดียิ่งขึ้น ผ่านวิวัฒนาการและการปรับตัว “ซูเปอร์โฟน” จะยิ่งอัจฉริยะมากขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มระดับ หรือแม้กระทั่งปรับเปลี่ยนการรับรู้ของเรา และช่วยให้มนุษย์ก้าวไปได้ไกลมากกว่าที่เคยเป็นมา”

แล้ว “ซูเปอร์โฟน” จะพาเราไปถึงไหน
ด้วยความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีบิ๊กดาต้า การวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล และคลาวด์ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ “All-Things-Digital” หรือทุกสิ่งคือดิจิทัล “ซูเปอร์โฟน” จะมีบทบาทสำคัญในการประสานอัจฉริยภาพของดิจิทัลเข้ากับของมนุษย์ และทำให้เกิดอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things) ที่จะปฏิรูปวิธีการสื่อสารแลกเปลี่ยนของมนุษย์กับโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยวิวัฒนาการและการปรับเปลี่ยนของ “ซูเปอร์โฟน” โลกแห่งความจริงจะเกิดโครงสร้างใหม่ที่กลายเป็นดิจิทัลมากชึ้น

เพื่อเป็นการรองรับยุคใหม่นี้ หัวเว่ยได้ลงทุนศึกษาความเป็นไปได้ของยานยนต์อัจฉริยะ โดยได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ใหญ่ๆ ในปี 2558 อาทิ โวล์คสวาเกน เมอร์เซเดส-เบนซ์ และออดี้ ซึ่งสองรายหลังได้มอบหมายซัพพลายเออร์ของพวกเขาให้ใช้โมดูลสื่อสาร 4G ของหัวเว่ยสำหรับติดตั้งในรถยนต์ ในอุปกรณ์เครือข่ายรถยนต์ในอนาคตของแบรนด์เหล่านี้ด้วย

ด้วยการผสานคุณสมบัติเครือข่าย 4G และ 5G รวมถึงบิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีคลาวด์ หัวเว่ยได้มุ่งมั่นพัฒนาบริการคลาวด์อย่างจริงจังมาโดยตลอด เห็นได้จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นคลาวด์คอมพิวติ้งใหม่ในงานหัวเว่ย คลาวด์ คองเกรส 2015 ที่จัดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ อาทิ โซลูชั่นฟื้นฟูภัยพิบัติคลาวด์แบบ OpenStack รวมไปถึงการเปิดตัวโซลูชั่น IoT อไจล์ แบบ SDN ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ IoT LiteOS ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในขณะนี้ ในงานหัวเว่ย เน็ตเวิร์ค คองเกรส เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย

หัวเว่ยทุ่มเททรัพยากรมากมายในการพัฒนาเทคโนโลยีหลักๆ ของ IoT อันได้แก่ เทคโนโลยีการรับรู้ (Perception Technology) อาทิ เซ็นเซอร์จับสัญญาณ การค้นหาและแยกแยะวัตถุ การสแกน 3 มิติ เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligence Technology) อาทิ การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า Digital Intelligence และแพลทฟอร์มอัจฉริยะเฉพาะสถานการณ์ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Connection Technology) อาทิ แพลตฟอร์ม IoT มาตรฐานเครือข่ายแบบมัลติดีไวซ์ และเทคโนโลยีปฏิสัมพันธ์ (Interactivity Technology) อาทิ AR/VR เป็นต้น

ด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนากว่า 76,000 คน รวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา 16 แห่ง และการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนากว่า 190 พันล้านหยวนในตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้หัวเว่ยได้วางพื้นฐานอันแข็งแกร่งสำหรับอีกสองทศวรรษหน้า ด้วยร้อยละ 25 ของข้อเสนอมาตรฐานหลักด้าน 4G ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก หัวเว่ยวางแผนที่จะลงทุน 600 ล้านเหรียญสหรัฐในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G ที่ได้รับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้สร้างสัมพันธภาพอันดีกับมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เพื่อจะค้นหาวิธีที่จะใช้การปรับใช้วัสดุกราฟฟีนในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือด้วย

มร. เส้า ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการสร้างมูลค่าผ่านนวัตกรรม หัวเว่ยได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วยการมุ่งเน้นด้านระบบนิเวศ การผูกสัมพันธภาพ และการเป็นพันธมิตร รวมทั้งสมาร์ทโฟน รถยนต์อัจฉริยะ อุปกรณ์สวมใส่ ไปจนถึงสมาร์ทซิตี้ และนวัตกรรมเทคโนโลยีเคลื่อนที่ ก็ยังคงมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนและโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

คอนเซ็ปท์ “ซูเปอร์โฟน” ของหัวเว่ยจะเปิดมิติของความเป็นไปได้อันไม่จำกัด ด้วยการลงทุนอย่างจริงจังต่อเนื่องในด้านวิจัยและพัฒนา ควบคู่ไปกับความตั้งใจและอัจฉริยภาพด้านเทคนิคที่ฉลาดหลักแหลมที่สุด หัวเว่ยมีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่จะรองรับและช่วยให้มนุษย์มีความสามารถมากขึ้น”
###

เกี่ยวกับหัวเว่ย
หัวเว่ย ผู้นำทางด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการสื่อสารที่ดีทั่วโลก ด้วยการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบ สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมแห่งข้อมูล และทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรม หัวเว่ยนำเสนอโซลูชั่นด้านไอซีทีแบบครบวงจร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ลูกค้าในกลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคมและเอ็นเตอร์ไพรส์ อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ และระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง ด้วยกลยุทธ์การสร้างสรรค์นวัตกรรมตามความต้องการของลูกค้าและสัมพันธภาพที่ดีกับพันธมิตร ปัจจุบัน พนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลกของหัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ กลุ่มลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นไอซีทีของหัวเว่ยได้รับการติดตั้งในกว่า 170 ประเทศในทุกภูมิภาคของโลก และให้บริการประชากรกว่าหนึ่งในสามของโลก หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี 2530 และเป็นบริษัทเอกชนที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหัวเว่ยได้ที่ www.huawei.com หรือติดตามเราได้ที่
http://www.linkedin.com/company/Huawei

http://www.facebook.com/Huawei
http://www.google.com/+Huawei
http://www.youtube.com/Huawei