1

หัวเว่ย เปิดตัวระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชรุ่นใหม่ในตระกูล OceanStor Dorado

มอบประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กร พร้อมรับสถานการณ์การใช้งานที่มีเงื่อนไขมากที่สุด

ที่มหกรรม MWC19 หัวเว่ย ได้เปิดตัวระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชระดับ entry-level รุ่น OceanStor Dorado3000 V3 และระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชระดับกลางและไฮเอนด์รุ่น OceanStor Dorado Non-Volatile Memory Express (NVMe) ซึ่งเหนือชั้นยิ่งขึ้นในแง่ของศักยภาพ ฟีเจอร์ระดับองค์กรอันครอบคลุม และประสิทธิภาพ ระบบจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในฐานข้อมูล, Virtual Desktop Infrastructure (VDI), Virtual Server Infrastructure (VSI) และสถานการณ์อื่น ๆ รองรับการทำงานในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าในแวดวงการเงิน การผลิต และโทรคมนาคม เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคออลแฟลช

ปัจจุบัน องค์กรทั้งหลายต่างมีความจำเป็นในการปรับโครงสร้างพื้นฐานของตนให้รองรับกับอนาคต โดยใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชที่ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยนับตั้งแต่ที่หัวเว่ย ได้เปิดตัวระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชตระกูล OceanStor Dorado V3 ไปเมื่อปี 2559 ระบบจัดเก็บข้อมูลที่ว่านี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ข้อมูลสถิติ[1] ประจำไตรมาส 3 ของปี 2561 จากการ์ทเนอร์ระบุว่า หัวเว่ยมีอัตราการเติบโตของรายได้มากที่สุดในตลาดออลแฟลชโลก ขณะที่ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชระดับกลางและไฮเอนด์ตระกูล OceanStor Dorado V3 ของหัวเว่ย (ประกอบด้วย OceanStor Dorado5000 V3, OceanStor Dorado6000 V3 และ OceanStor Dorado18000 V3) เป็นระบบแรกในอุตสาหกรรมที่รองรับสถาปัตยกรรม NVMe อย่างเต็มรูปแบบ โดยสถาปัตยกรรม NVMe ดังกล่าวช่วยเร่งความเร็วในการสื่อสารระหว่าง Solid-State Drives (SSDs) กับระบบโฮสต์ ทั้งยังลดค่าความหน่วงได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ลูกค้าได้รับบริการข้อมูลที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชระดับกลางและไฮเอนด์ตระกูล OceanStor Dorado ยังเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชที่เร็วที่สุด ด้วยค่าความหน่วงต่ำเพียง 0.3 มิลลิวินาที

ระบบ OceanStor Dorado3000 V3 ที่เปิดตัววันนี้ งัดใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมอย่าง FlashLink(R) เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องแม้ในชั่วโมงที่มีการใช้งานสูงสุด โดยมีอินเตอร์เฟซชิปอัจฉริยะแบบหลายโปรโตคอลทำหน้าที่รองรับโปรโตคอล Front-end ระดับแถวหน้าอย่าง 32 Gbit/s FC และ 100GE ขณะที่ระบบอัจฉริยะ Baseboard Management Controller (BMC) ของหัวเว่ย ทำหน้าที่ควบคุม CPU หน่วยความจำ และองค์ประกอบอื่น ๆ อย่างครบวงจร เพื่อร่นระยะเวลากู้คืนความเสียหายจาก 2 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 10 นาที

OceanStor Dorado3000 V3 อันครบครันด้วยฟีเจอร์ระดับองค์กรนี้ ใช้เทคโนโลยี Wear-leveling ระดับโลก ควบคู่กับเทคโนโลยี Anti-wear leveling อันเป็นสิทธิบัตรของหัวเว่ย เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือของ SSD โดยนวัตกรรม RAID-TP สามารถทนต่อความล้มเหลวของ SSD ได้พร้อมกัน 3 ตัว ขณะที่โซลูชัน active-active แบบไม่มีเกตเวย์นี้ทำให้มีความพร้อมในการใช้งานถึง 99.9999% นอกจากนี้ โซลูชัน Converged Data Management (CDM) ยังรองรับฟังก์ชัน Disaster Recovery (DR) และระบบสำรองข้อมูลแบบไม่มีเกตเวย์ผ่านคลาวด์ พร้อมศักยภาพกู้คืนระบบบนคลาวด์ โดยเทคโนโลยีปกป้องความน่าเชื่อถือที่มีอยู่มากมายนี้ ส่งผลให้ระบบดังกล่าวมีความพร้อมในการใช้งานที่เหนือชั้นยิ่งกว่า

นอกจากนี้ OceanStor Dorado3000 V3 ยังงัดเทคโนโลยีบีบอัดและป้องกันการสำรองข้อมูลซ้ำแบบอินไลน์ชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมมาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการใช้พลังงาน ทำความเย็น บริหารจัดการ และบำรุงรักษา ซึ่งช่วยลดค่า OPEX โดยรวมได้ถึง 65% สิ่งนี้เปิดโอกาสให้ลูกค้าลดต้นทุนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะกำลังติดตั้งอุปกรณ์ในสเกลใหญ่

OceanStor Dorado3000 V3 รองรับการทำงานควบคู่กับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ทั่วไปกว่า 300 รุ่น ทั้งยังรองรับโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีมากถึง 98% จากทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบริการเดิมแต่อย่างใด เพื่อให้การอัปเกรดเป็นไปอย่างไหลลื่น ลดความยุ่งยากในการทำ O&M และเร่งการพลิกโฉมศูนย์ข้อมูล

วิลเลียม ตง ผู้อำนวยการฝ่ายขายโซลูชันและการตลาดศูนย์ข้อมูลระดับองค์กรประจำหัวเว่ย เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า “หัวเว่ย สั่งสมประสบการณ์ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลมานานถึง 17 ปี และเราก็ได้นำประสบการณ์อันกว้างขวางนี้มาใช้ในการพัฒนา OceanStor Dorado3000 V3 ระดับ entry-level เพื่อให้องค์กรทั้งหลายได้รับประโยชน์จากแพลตฟอร์มออลแฟลชในจุดแรกเข้าที่ไม่สูงมาก โดยไม่ลดทอนศักยภาพและความยืดหยุ่น เราได้งัดใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลช เพื่อช่วยลูกค้าตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และจะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป เพื่อตอบรับกับความต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

ที่มา 1: Gartner, Market Share, External Storage Systems, All Countries, 3Q 2018 Update