ในงานโมบาย เวิลด์ คองเกรส 2017 หัวเว่ยจัดกิจกรรมมากมายขึ้นภายใต้ธีม “Open ROADS to a Better Connected World” รวมถึงงานเสวนาร่วมกับหลากหลายบริษัทถึงทิศทางของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม พร้อมตัวอย่างการดำเนินธุรกิจที่ยอดเยี่ยมเพื่อช่วยโอเปอเรเตอร์สร้างการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่าได้มากยิ่งขึ้น
วงการโทรคมนาคมอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้มีคุณภาพสูงขึ้น โลกที่มีการเชื่อมโยงสื่อสารที่ดีกว่ากำลังพัฒนาขึ้น และโอกาสในอนาคตของวงการโทรคมนาคมซึ่งจะเป็นแกนหลักในการผลักดันให้โลกดิจิทัลเกิดขึ้นนั้น มีอยู่มากเกินกว่าจะจินตนาการได้
การรับมือกับการแข่งขันในโลกยุคใหม่ โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากการ “ขับเคลื่อนด้วยการลงทุน” ไปสู่การ “ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า” ซึ่งจะคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ก่อนเป็นอันดับแรก และการส่งมอบบริการที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการสร้างคุณค่าที่ดีกว่าเดิมให้กับลูกค้าของตนเอง หัวเว่ยจะสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการโทรคมนาคมเหล่านี้ ด้วยการเพิ่มคุณค่าของระบบเครือข่ายที่โอเปอเรเตอร์ใช้อยู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิผล รายได้ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ในอนาคตข้างหน้า หัวเว่ยจะช่วยให้โอเปอเรเตอร์สามารถนำจุดแข็งด้านการรับส่งดาต้ามาใช้เพื่อขยายไปสู่บริการใหม่ ๆ อาทิ การนำเสนอวิดีโอเป็นบริการพื้นฐาน และบริการคลาวด์เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอื่นๆ อันจะนำไปสู่การสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ ที่มีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์
สำหรับการผลักดันโอเปอเรเตอร์ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล หัวเว่ยได้เปิดตัวโซลูชั่น All Cloud เพื่อให้โอเปอเรเตอร์สามารถก้าวไปสู่ธุรกิจแบบออน-ดีมานด์ ซึ่งจะช่วยให้โอเปอเรเตอร์เติบโตได้อย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งหลายเพื่อสร้างระบบนิเวศของธุรกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน
มร. อีริค ซวี ประธานกรรมการบริหาร หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย กล่าวว่า “หัวเว่ยดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นลูกค้าเป็นหลักมาเป็นเวลาหลายปี เราได้สร้างคุณค่าหลักให้กับลูกค้าของเราและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีของลูกค้า” และเพื่อเป็นการเติมเต็มภารกิจใน “การสร้างโลกที่มีการเชื่อมโยงสื่อสารที่ดียิ่งขึ้น” หัวเว่ยได้ผลักดันให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายในอุตสาหกรรมนำประสบการณ์ด้าน “Real-time, On-demand, All-online, DIY และ Social (ROADS)” มาปรับใช้ให้เป็นมาตรฐานหลักเพื่อความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล หัวเว่ยจะช่วยพัฒนาเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมให้ทันสมัยก่อนจะพัฒนาไปสู่ประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่งในตอนนี้อยู่ในช่วงสร้างคุณค่าเชิงพาณิชย์ของระบบดิจิทัล
ในบูธนิทรรศการหลักของหัวเว่ย มีการจัดแสดงแผนการเติบโต รูปแบบธุรกิจ และนวัตกรรมล่าสุดในธีมต่างๆ อาทิ “การเพิ่มประสิทธิภาพเน็ตเวิร์ค”, “All Cloud สำหรับ 5G”, “ปฏิบัติการดิจิทัลทุกที่ทุกเวลา” และ “บริการดิจิทัลบนคลาวด์” รวมถึงโซลูชั่น All Cloud ทั้งหมด ได้แก่ โซลูชั่น All Cloud หลัก/ระบบไร้สาย/เครือข่าย Bearer ฯลฯ นอกจากนี้ ลูกค้าและพันธมิตรต่างๆ ยังได้ชมตัวอย่างบริการและการให้คำปรึกษาระดับ VIP ของหัวเว่ย ศูนย์ Digital Transformation Dialog นิทรรศการ Innovation City และพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือทดลองผลิตภัณฑ์และบริการของหัวเว่ย เป็นต้น
ผู้บริหารของหัวเว่ยยังได้กล่าวปาฐกถาและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพันธมิตรต่างๆ ในหลากหลายหัวข้อ อาทิ วิดีโอ, NB-IoT, บริการคลาวด์, Telco 2.0, ระบบนิเวศดิจิทัล และวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยในปี 2020
โดยทั้งหมดนี้จัดอยู่ภายใต้หลักการที่มุ่งเน้น “การเปิดกว้างเพื่อสิ่งใหม่ๆ การทำงานร่วมกัน และความสำเร็จร่วมกัน” หัวเว่ยจัดนิทรรศการร่วมกับโอเปอเรเตอร์และพันธมิตรกว่า 100 รายในงาน MWC 2017 รวมถึงงาน Open Day ซึ่งจะจัดขึ้นในวันสุดท้ายของงาน MWC เพื่อพูดคุยกับพันธมิตรและเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคและอุตสาหกรรมต่างๆ
หลังดำเนินธุรกิจมา 30 ปี ปัจจุบันหัวเว่ยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นไอซีทีชั้นนำของโลก วันนี้บริษัทได้สร้างพันธมิตรทางธุรกิจและอุตสาหกรรมขึ้นมากมาย ยกระดับชุมชนโอเพ่นซอร์ส และสร้างแพลตฟอร์มนักพัฒนาของตัวเอง หัวเว่ยมุ่งมั่นผนึกกำลังกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่เปิดกว้างและก่อให้เกิดความร่วมมือ เพื่อสร้างความสำเร็จให้แก่ทุกฝ่าย
งานโมบาย เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2017 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม ที่เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน หัวเว่ยได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของแบรนด์ที่บูธ 1J50 ใน Fira Gran Via Hall 1 บูธ 3130 ใน Hall 3 และโซน Innovation City ใน Hall 4 รายละเอียดเพิ่มเติม ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่http://www.huawei.com/cn/events/mwc/2017/