“หอแว่น” เผย ลูกค้ามีปัญหาสายตาเพิ่มขึ้น เตรียมขยายโรงงานผลิตเลนส์คุณภาพ เพิ่มขีดพัฒนาการให้บริการ ตอกย้ำผู้นำตลาดแว่นสายตาแบบเบ็ดเสร็จ!!

0
746
image_pdfimage_printPrint

“หอแว่น” ร้านตัดแว่นสายตาชั้นนำ เจ้าตลาดกว่า 50 ปี เตรียมตอกย้ำผู้นำตลาดแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยการพัฒนาการให้บริการและขยายโรงงานผลิตเลนส์คุณภาพ เผยปัจจุบันลูกค้าประสบปัญหาสายตาสั้น, เอียง เร็วขึ้น จากพฤติกรรมการใช้ที่ไม่ถนอมสายตา ทำให้ต้องมาตัดซ้ำ เฉลี่ย 1-2 ปี/ครั้ง ทำให้ตลาดแว่นสายตาในช่วงหลังเติบโตขึ้นทุกปี ล่าสุดเตรียมตอกย้ำผู้นำตลาดแบบเบ็ดเสร็จ ขยายโรงงานผลิตเลนส์คุณภาพ และร่วมกับ           ศูนย์รักษ์สายตา โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จัดอบรม เพิ่มขีดพัฒนาการให้บริการ นอกจากนี้ยังเตรียมรุกตลาดเพื่อนบ้านด้วย!!

เครื่องตรวจวัดสายตาคุณภาพ

ภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด  เผยว่า  “มูลค่าตลาดแว่นในเมืองไทย อยู่ที่  6000 ล้านบาท/ปี แบ่งเป็น ตลาดแว่นกันแดด 800 ล้านบาท และตลาดแว่นสายตา 4000 ล้านบาท ในส่วนของหอแว่น ให้บริการมากว่า 50 ปี มีกลุ่มลูกค้าประจำและกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ได้รับการแนะนำบอกต่อ ทำให้เราเป็นผู้นำในด้านการให้บริการตรวจวัดสายตาและประกอบแว่นสายตาด้วยเลนส์คุณภาพ ทั้งนี้จุดเด่นของร้าน คือ  ผลิตภัณฑ์เลนส์ ซึ่งเป็นเลนส์คุณภาพทั้งหมด จาก Thai Optical Group Public Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบางส่วนนำเข้าจากญี่ปุ่น จากบริษัท Seiko และ Tokai  ซึ่งเป็นเลนส์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA และ ANSI ประเทศสหรัฐอเมริกา และ อย.ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งในเรื่องผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาในแต่ละสาขา ซึ่งมีความรู้จากการจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด รวมถึงสาขาหลากหลาย  ครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 130 สาขา  ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้”

“ทั้งนี้ในปี 2557 คาดการณ์ว่าตลาดแว่นสายตาจะเติบโตขึ้น 5-8 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจาประชากรมากขึ้น และพฤติกรรมการใช้สายตาในปัจจุบัน เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงนิยมการใช้แว่นสายตาเป็นลำดับแรก ในฐานะที่หอแว่นเป็นแบรนด์ผู้นำเรื่องสายตา ได้พยายามพัฒนาสินค้าและบริการไม่หยุดนิ่ง โดยพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เฉพาะด้าน เกี่ยวกับเรื่องสายตามากขึ้น ล่าสุดได้ร่วมกับ ศูนย์รักษ์สายตา โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน  จัดอบรมให้ความรู้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง  เพื่อคำปรึกษา ถูกต้อง  ประสิทธิภาพ  ทันท่วงที  ก่อนพบจักษุแพทย์  นับเป็นอีกขั้นตอนของการให้บริการที่มากกว่าร้านให้บริการแว่นสายตาทั่วไป

ผู้บริหารเผยเพิ่มเติมว่า “นโยบายใหม่รับอาเซียน คือ “หอแว่น ต้องการเป็นร้านแว่นตาที่มีคุณภาพเป็น  professional ที่สุด”   ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายสาขาไปต่างประเทศ คือที่ สิงคโปร์, มาเลเซีย พร้อมเตรียมขยายสาขารับ AEC อย่างต่อเนื่อง ปี 2557 ผ่านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเรื่องแว่นสายตา รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในส่วนของตลาดเพื่อนบ้าน ต้องใช้เวลาในการทำ

 

 

ตลาด ทั้งนี้ในปัจจุบันร้าน หอแว่น เปิดให้บริการ และจำหน่ายแว่นกันแดดแบรนด์ชั้นนำ   คุณภาพแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันหอแว่นมีทั้งหมด  130 สาขา ปีนี้มีแผนขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ 1.เซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา 2.เซ็นทรัล ระยอง 3.เซ็นทรัล เวสต์เกต บางใหญ่ เตรียมเงินลงทุนไว้แล้วราวสาขา  4-6 ล้านบาท  สำหรับสาขาใหม่นั้น ยังเน้นกลุ่มลูกค้า ระดับเอ-บี ที่ให้ความสำคัญและตระหนักว่าคุณภาพสายตาคือคุณภาพชีวิต ยอมจ่ายเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพดี

ด้าน นพ.ปลื้ม  ศุภปัญญา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

“จากวิถีการดำรงชีวิต, การทำงาน รวมถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ต่างๆ ในปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้คนประสบปัญหาเรื่องสายตามากขึ้น จากแต่ก่อน แนวโน้มปัญหาด้านสายตาที่พบ  ช่วงวัยรุ่น วัยเรียน  ประสบปัญหาเรื่องสายตาสั้น เอียง กลุ่มนี้จะตัดแว่นเฉลี่ย ปีละครั้ง เพราะสายตายังไม่คงที่ แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา  วัยทำงาน ประสบปัญหาเรื่องสายตาสั้น เอียง และในกลุ่มนี้มักพบปัญหาตาเมื้อยล้าเนื่องจากการทำงานหน้าจอเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้การมองไกลไม่ชัดชั่วคราว จะตัดแว่นเฉลี่ย ปีละครั้ง แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา  อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาเรื่องสายตายาว และสายตายาวสูงอายุเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะทำให้มีปัญหาในการมองมากกว่า 1 ระยะ กลุ่มนี้จะตัดแว่นเฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อปี แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา 2 เลนส์ หรือเลนส์โปรเกรสซีฟ

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มีปัญหาสายตาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นิยมตัดแว่นสายตา เนื่องจากใช้งาน และใส่ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องระคายเคืองจาการถอดเข้า-ออก และในบางรายที่สายตาคงที่แล้ว อาจแก้ปัญหาด้วยการ       ทำเลสิค ข้อดีของการทำคือ เป็นการรักษาที่ให้ผลถาวร, ใช้เวลารักษาน้อยและมีระยะพักฟื้นที่รวดเร็ว เพียง 1 วันก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ, ไม่มีความเจ็บปวด เนื่องจากมีการใช้ยาหยอดตา ไม่ต้องฉีดยาหรือยาสลบและไม่มีการเย็บแผล นอจากนี้เพิ่มอิสระให้กับชีวิตมากขึ้น เพราะไม่ต้องใช้แว่นตาในการทำกิจกรรมต่างๆ, เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพในบางอาชีพ, เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน โดย  ศูนย์รักษ์สายตา โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน มีแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงเครื่องมือที่ให้การรักษาที่ทันสมัย ราคาสมเหตุสมผล”