สายการบินเอทิฮัดและสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ผนึกความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ภายใต้นโยบายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของรัฐบาลอินเดีย โดยสายการบินเอทิฮัดพร้อมลงทุน 379 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ซื้อหุ้น 24 เปอร์เซ็นต์ จากสายการบินเจ็ท แอร์เวย์

0
249
image_pdfimage_printPrint
  • ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ภายใต้นโยบายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของรัฐบาลอินเดีย จะสร้างการเจริญเติบโตทางรายได้และโอกาสในการแชร์ต้นทุนให้กับทั้งสองสายการบิน
  • การเป็นพันธมิตรจะสร้างอรรถประโยชน์มากมายให้กับผู้โดยสารผ่านบริการเที่ยวบินร่วมซึ่งจะก่อให้เกิดเส้นทางการบินร่วมกันกว่า 140 เส้นทาง
  • การเป็นพันธมิตรจะสร้างอรรถประโยชน์มากมายให้กับภาคเศรษฐกิจของอินเดีย ทั้งการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ การสร้างงาน การค้า และการท่องเที่ยว
  • ผู้ใช้บริการของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์จาก 23 เมืองในประเทศอินเดียจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลกได้โดยตรง
  • สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ขยายเส้นทางการบินจากฐานให้บริการหลักในมหานครเดลีและมุมไบ รวมทั้งเปิดตัวเที่ยวบินใหม่จากเมืองไฮดราบัดและบังกาลอร์
  • ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองสายการบินจะทำให้ท่าอากาศยานตามเมืองใหญ่ต่างๆ มีการจราจรทางอากาศที่คับคั่งขึ้น ความถี่ของเที่ยวบินมากขึ้น และผลประกอบการที่เป็นไปในทางเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ท่าอากาศยานอื่นๆ ภายใต้การดูแลของหน่วยงานการบินประจำประเทศอินเดีย
  • เส้นทางการบินสายใหม่ระหว่างประเทศอินเดียสู่กรุงอาบูดาบีและสายการบินเจ็ท แอร์เวย์จะเปิดน่านฟ้าให้กับเที่ยวบินมากมายสู่สหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง
  • การลงทุนทางยุทธศาสตร์ เปิดโอกาสให้สายการบินเอทิฮัดมีส่วนร่วมในตลาดการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งของอินเดียที่มีมูลค่ากว่า 42 ล้าน
  • ผู้ใช้บริการของทั้งสองสายการบินจะได้ประโยชน์จากโปรแกรมสะสมไมล์ที่สามารถใช้ร่วมกันได้
  • ความร่วมมือจะก่อให้เกิดอรรถประโยชน์มากมายที่ผู้ใช้บริการจากทั้งสองสายการบินพึงได้รับ
  • การลงทุนทางยุทธศาสตร์มูลค่า 600 ล้านดอลลาห์สหรัฐจากสายการบินเอทิฮัดจะช่วยทำให้สถานะทางการเงินของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์แข่งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

 

กัปตันฮามีด อาลี รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ มร.เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเอทิฮัด มร. นาเรช โกแยล ประธานกรรมการ สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ และมร.เจมส์ ริกนีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน สายการบินเอทิฮัด หลังจากการประกาศความร่วมมือทางยุทธศาสตร์

สายการบินเอทิฮัดจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสายการบินเจ็ท แอร์เวย์จากอินเดีย ร่วมกันประกาศถึงการที่สายการบินเอทิฮัดเข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นในสายการบินเจ็ท แอร์เวย์จำนวน 27,263,372 หุ้น ด้วยราคาหุ้นละ 754.74 รูปี คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 379 ล้านดอลลาห์สหรัฐ  และจะส่งผลให้สายการบินเอทิฮัดถือครองทุนเรือนหุ้น 24 เปอร์เซ็นต์ ในสายการบินเจ็ท แอร์เวย์

 

ข้อตกลงร่วมกันระหว่างสายการบินเอทิฮัดและสายการบินเจ็ท แอร์เวย์รวมถึงเงิดอัดฉีดจำนวน 220 ล้านดอลลาห์สหรัฐเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองสายการบินให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

 

นอกจากนี้ สายการบินเอทิฮัดใช้จ่ายเงินจำนวน 70 ล้านดอลลาห์เพื่อซื้อสล็อตเวลาสำหรับการขึ้นและลงจอดเครื่องที่ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์จำนวน 3 คู่สล็อตให้กับสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ผ่านข้อตกลงการขายและเช่าที่ลงนามไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อใช้ในการปฏิบัติการการบินต่อไป

 

สายการบินเอทิฮัดจะใช้จ่ายเงินอีก 150 ล้านดอลลาห์สหรัฐเพื่อลงทุนในส่วนของโปรแกรมสะสมไมล์ “เจ็ท พริวิเลจ (Jet Privilege)” ของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ เน้นทางด้านความเห็นชอบจากองค์กรที่มีอำนาจการจัดการที่เหมาะสมและข้อตกลงทางการค้า โดยคาดการณ์ว่าข้อตกลงการลงทุนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในหกเดือนข้างหน้านี้

 

ภายใต้ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ขึ้นอยู่กับอำนาจการจัดการเต็มรูปแบบและความเห็นชอบของผู้ถือหุ้น สายการบินทั้งสองจะขยายงานด้านการปฏิบัติการให้กว้างไกลยิ่งขึ้นและสร้างเส้นทางการบินใหม่ๆระหว่างอินเดียและอาบูดาบี เพื่อให้เกิดตัวเลือกในการด้านทางที่มากกว่าเดิม ซึ่งการที่สองสายการบินควบรวมเส้นทางการเดินทางสู่ 140 จุดหมายปลายทางเข้าด้วยกันนั้น จะทำให้สายการบินเจ็ท แอร์เวย์เปิดตลาดการท่องเที่ยวไปสู่กรุงอาบูดาบีและกระจายเส้นทางการบินไปสู่เส้นทางเครือข่ายที่กำลังเติบโตไปทั่วโลกของสายการบินเอทิฮัด

 

ผู้ใช้บริการจาก 23 เมืองในอินเดียจะได้รับความสะดวกสบายจากการบินตรงสู่หลากหลายเมืองทั่วโลก เที่ยวบินใหม่ๆ ของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ที่บินจากท่าอากาศยาน ณ มหานครต่างๆ ในอินเดียจะช่วยให้การปฏิบัติงานการบินของท่าอากาศยานเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น วิสัยทัศน์ของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์คือการดำเนินงานพัฒนาให้ท่าอากาศยานในมหานครเดลีและมุมไบกลายเป็นจุดศูนย์กลางทางการบินเพื่อเชื่อมต่ออินเดียกับภูมิภาคเอเซีย ยุโรป และภูมิภาคอื่นๆ

 

มร. เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเอทิฮัด และมร. นาเรช โกแยล ประธานกรรมการ สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ เป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดของการลงทุนครั้งนี้

 

มร. โฮแกน กล่าวว่า “สายการบินเอทิฮัดมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในที่สุดเราก็สามารถมายืนอยู่ ณ จุดๆ นี้ในประเทศอินเดียด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ เรามั่นใจมากว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสร้างอรรถประโยชน์และโอกาสในการเจริญเติบโตให้กับทั้งสองสายการบินได้เป็นอย่างดี”

 

“เราคาดการณ์ว่าจะเกิดการเติบโตของรายได้และโอกาสในการใช้จ่ายต้นทุนร่วมกันได้โดยทันที ผ่านการใช้จ่ายที่เราคาดว่าน่าจะเป็นจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาห์จากทั้งสองสายการบินภายในห้าปีนับจากนี้”

 

“ตลาดการท่องเที่ยวอินเดียเป็นรากฐานของรูปแบบธุรกิจของเราที่ต้องการจะเติบโตอย่างยั่งยื่นร่วมกับพันธมิตรสายการบินอื่นๆ และการลงทุนในกรรมสิทธิ์ถือครอง ข้อตกลงนี้จะทำให้เราสามารถแข่งขันในตลาดโลกที่ใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

 

“เรารอคอยที่จะร่วมมือและร่วมทำงานอย่างสร้างสรรค์กับสายการบินเจ็ท แอร์เวย์และหุ้นส่วนอื่นๆ เพื่อสร้างสายการบินที่ยั่งยืน มีการแข่งขันสูง และสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้”

 

มร. โกแยล กล่าวว่า “ผมอยากจะขอขอบคุณรัฐบาลอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการบินพลเรือน กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ที่มองเห็นการณ์ไกลและปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์โดยการอนุญาตให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการบินพลเรือนของอินเดีย นโยบายดังกล่าวจะก่อให้เกิดการพัฒนาของเศรษฐกิจการบิน การจราจรทางการบินที่คับคั่งของท่าอากาศยาน และการสร้างงาน”

 

“เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับสายการบินที่มีแบบแผนและปรัชญาในการทำงานเช่นเดียวกันกับเรา เรามั่นใจมากว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้กับสายการบินเอทิฮัดเป็นรูปแบบธุรกิจที่ทุกฝ่ายเป็นผู้ชนะ ทั้งผู้ถือหุ้นของเราเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้บริการของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ที่มีตัวเลือกในการเดินทางสู่ต่างประเทศที่มากขึ้น”

 

“ธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะทำให้งบดุลของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์มีความมั่นคงขึ้น และที่สำคัญกว่านั้นจะกระตุ้นการไหลเวียนของรายได้ในอนาคตซึ่งจะช่วยเร่งให้เราได้รับผลกำไรที่ยั่งยืนพร้อมกับสภาพคล่องได้เร็วขึ้น

 

องค์ประกอบสำคัญในการร่วมมือเป็นพันธมิตรคือการขยายขอบเขตการดำเนินงาน ในลักษณะของการทำเที่ยวบินร่วม ทำให้สายการบินมีจำนวนเที่ยวบินมากขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการโดยตรง

 

การขยายเที่ยวบินร่วมในครั้งนี้จะทำให้สายการบินเอทิฮัด มีโอกาสที่จะทะลวงเข้าสู่ตลาดการท่องเที่ยวของอินเดียได้อย่างรวดเร็ว เป็นการเพิ่มผู้จำนวนผู้ใช้บริการให้กับสายการบินเอทิฮัดทั้งในฝั่งตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ และฝั่งยุโรป อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มจุดหมายปลายทางให้มีตัวเลือกที่มากขึ้นให้กับผู้โดยสารของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์อีกด้วย

 

การคาดการณ์ปัจจุบันชี้ว่าตลาดการท่องเที่ยวในอินเดียจะมีนักเดินทางเพิ่มขึ้นจำนวนมากขึ้นถึง 42 ล้านคนในอีกห้าปีข้างหน้า ในอัตราส่วนร้อยละ 10 ต่อปี และจะมีชนชั้นกลางชาวอินเดียซึ่งส่วนใหญ่ต้องการเดินทางทางอากาศมากถึง  200 ล้านคนในอีก 8 ปีข้างหน้า

 

ในปัจจุบันสายการบินเอทิฮัดทำการบินสู่ 9 จุดหมายปลายทางของประเทศอินเดีย ประกอบด้วย มหานครเดลี เจนไน มุมไบ โคซิโคเด ตริวานดรัม ไฮเดอราบัด บังกาลอร์ อาห์เหม็ดดาบัด และโคชิ รวมกว่า 59 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

 

การร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยเพิ่มการจราจรผ่านท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี สู่สนามบินนานาชาติมุมไบและเดลี ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ให้คับคั่งมากขึ้นกว่าเดิม

 

ประโยชน์สำคัญของทั้งสองสายการบินจะมาจากความร่วมมือและการประหยัดต้นทุนในการดำเนินงาน รวมถึง การตรวจเรดาห์ฝูงบิน การซ่อมบำรุงรักษา การพัฒนาสินค้าและการฝึกอบรม

 

ทั้งสองสายการบินจะริเริ่มการค้าร่วมสำหรับการจัดหาเชื้อเพลิง ชิ้นส่วนอะไหล่ อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์การทำอาหาร ตลอดจนการบริการอื่นๆ เช่น ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยและเทคโนโลยี

 

ในส่วนอื่นๆ ของการร่วมดำเนินงานจะรวมถึงการอบรมให้กับนักบิน ลูกเรือ และวิศวกร ในการบำรุงรักษาเครื่องบินโดยสารรุ่นเดียวกัน และการผนึกโปรแกรมสะสมไมล์ของทั้งสองสายการบินร่วมกัน

 

สำนักงานจัดการโครงการความร่วมมือจะถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการสร้างอรรถประโยชน์จากการดำเนินงานร่วมกันให้กับทั้งสองสายการบิน

 

กรรมสิทธ์อันชอบธรรมและอำนาจการควบคุมที่มีผลบังคับจะยังคงเป็นของชาติอินเดีย โดย มร.โกแยล ประธานกรรมการถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์

 

การลงทุนของสายการบินเอทิฮัดในสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ เป็นการถือกรรมสิทธิ์ส่วนน้อยเช่นเดียวกับที่ทำร่วมกันกับสายการบินแอร์เบอร์ลิน สายการบินแอร์เซเชลส์ สายการบินเวอร์จิ้น ออสเตรเลีย และสายการบินแอร์ลินกัส ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

 

สายการบินเอทิฮัดได้รับคำปรึกษาจากบริษัทเอชเอสบีซี (HSBC) บริษัทดีแอลเอ ไพเพอร์ (DLA Piper) บริษัทอมาร์แชนด์ แอนด์ มังกัลดาส แอนด์ ซูเรช เอ ชรอฟฟ์ แอนด์ โค (Amarchand & Mangaldas & Suresh A. Shroff & Co) และบริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PricewaterhouseCoopers) ในการดำเนินธุรกรรมการเงินครั้งนี้

 

สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ได้รับคำปรึกษาจาก มร. แฮริช ซาล์ฟ บริษัทกาแกรทส์ (Gagrats) บริษัทอีแอลพี (ELP) บริษัทเอิร์นส์ แอนด์ ยัง (Ernst & Young) บริษัทดีเอสพี เมอร์ริล ลินช์ จำกัด (DSP Merrill Lynch Limited) และบริษัทเครดิต ซูสส์ (Credit Suisse)