สัมภาษณ์ น.ศ ทุน มจพ. 3+1 Double degree program หลักสูตร การค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์
ทุนการศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ช่วยตอบโจทย์นิสิต นักศึกษา ได้เป็นอย่างดีกับการที่ขอรับทุนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ และที่สำคัญนอกจากเลือกมหาวิทยาลัยที่ใช่แล้ว อย่าลืมเป้าหมายสำคัญอีกอย่างรองลงมาคือการเลือกสาขาเรียนที่เราสนใจและชอบ ตามด้วยการหาข้อมูลการเรียนสาขานั้นด้วยว่าหลักสูตรของที่ไหนสามารถตอบโจทย์การเรียนของเราได้ วันนี้ขอแนะนำหลักสูตรอินเตอร์ที่ใช่เลย!! สำหรับน้องๆ นักศึกษาที่เลือกเรียนหลักสูตรปริญญาตรี สาขาการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ “3+1 สองปริญญา ไทย-เยอรมัน” หลักสูตรนี้เกิดจากความร่วมมือทางวิชาการของวิทยาลัยนานาชาติ มจพ. และมหาวิทยาลัยเบรเมอร์ฮาเว่น (Hochschule Bremerhaven) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เปิดตัวโครงการ “3+1 สองปริญญา ไทย-เยอรมัน” โดยเป็นความร่วมมือในรูปแบบหลักสูตรสองปริญญา (Double Degree) โดยมีเขาทั้ง 3 คน ได้รับทุนทุน 3+1 Double degree program จากหลักสูตรการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ ( International trade and business logistics) เป็นนักเรียนรุ่นที่ 2 พร้อมบินไปเรียนต่อที่เยอรมันอีก 1 ปี สุดยอดไปเลย แต่ละคนที่ได้พูดคุยกันไม่ธรรมดามีของกันทั้งนั้น บุคลิกแต่ละคนกระตือรือร้น แถมลุคเด็กเรียนเอามากๆ แอบเด็กเนิร์ดแบบเท่ ๆ สมาร์ท สวย คล่องแคล่ว แต่ละคนก็มีเอกลักษณะเป็นของตัวเองสุดๆ มาสัมภาษณ์ Exclusive คนแรกก่อนเลยคะ
1. นางสาวสุพิชญา บุญกาญจน์วนิชา ชื่อเล่น “อ้น” ชั้นปีที่ 4 “อ้น”เกิดและโตที่จังหวัดชัยนาท เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบมาก จบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม ก็มีโอกาสได้เข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ เรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจนึงที่ใหญ่พอสมควรเลย แต่ด้วยความที่ญาติพี่น้องหลายคนก็จบจากรั้วประดู่แดงนี้ รวมถึงการเรียนการสอนของทางคณะที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ตัวอ้นและคุณพ่อคุณแม่จึงวางใจให้มาศึกษาที่สถาบันแห่งนี้ค่ะ “อ้น” สวยใส ยิ้มแย้ม และเป็นคนรักสวยรักงาม มีการอัพเดพเทรนใหม่ ๆ ตลอดเวลาตามประสาผู้หญิงชิล ๆ สบายๆ แต่เพื่อนก็จะมองว่ามีความเป็นลูกคุณหนูนิดๆ น่ารักและเป็นกันเอง หากเพื่อนชวนไปไหนไปหมด ในแง่การเปลี่ยนแปลงจะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และเมื่อเปลี่ยนแล้วก็ยินดีที่จะต้องไปเผชิญสิ่งแปลกใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า เป็นเด็กเรียนเก่งคนหนึ่งเลยที่มีความตั้งใจ สู้งาน และรับผิดชอบงานที่ตนทำอยู่ให้สำเร็จลุล่วง และเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรนักศึกษาประจำวิทยาลัยนานาชาติ ในฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม แล้วเป็นส่วนหนึ่งของวงร้องเพลงประสานเสียงบายศรีสู่ขวัญประจำมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ
ทุนการศึกษาที่ได้รับ จากโครงการ “3+1 สองปริญญา ไทย-เยอรมัน” ที่นักศึกษาจะศึกษาอยู่ที่ มจพ.ระยะเวลา 3 ปี และไปศึกษาที่ Hoschule Bremerhaven ประเทศเยอรมนีเป็นเวลา 1 ปี “อ้น” ต้องขอขอบคุณอาจารย์และ มจพ. ที่ได้รับโอกาสจากโครงการนี้ ซึ่งทำให้เราต้องขยัน และมีระเบียบ มีวินัยในการเรียนเพื่อให้ได้รับพิจารณาผลการเรียนที่ต้องใช้ GPAX มากกว่า 3.00 มีคะแนน IELTS overall 6 ไม่ติด Fหรือ W และยังผ่านการสัมภาษณ์รวมสองรอบ จากคณาจารย์ทั้งสองมหาวิทยาลัย จริง ๆ ไม่ค่อยได้เตรียมปรับตัวอะไรมากค่ะ เพราะปกติก็มีโอกาสได้ไปต่างประเทศบ้างโดยไปทัศนศึกษากับทางคณะ ล่าสุดก็ไปมาเก๊า-ญี่ปุ่นมา แต่ที่จะต่างออกไปจากเดิม “น่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลา เพราะคราวนี้ไปถึง 1 ปี ก็คงจะคิดถึงที่บ้านแต่ที่น่ากังวลก็จะเป็นเรื่องการดูแลตนเอง เพราะช่วงไปถึงยังอยู่ในช่วงโควิด-19 ทางครอบครัวจึงให้มีการสื่อสารกันทุกวัน
การได้เข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยก็เหมือนทุกคนได้เปลี่ยนใหม่หมด ทั้งการเก็บสะสมเกรดและการได้เจอผู้คนใหม่ ๆ ฉะนั้นขอแค่มีความตั้งใจจริงและความกล้า ทุกคนก็ประสบความสำเร็จในรั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่ยากแน่นอน สิ่งที่กังวลก็คงเป็นเรื่องคะแนนและเกรดที่สมหวังบ้าง บางครั้งก็ผิดหวัง แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนดีเสมอหากพยายาม มีความตั้งใจ และทำเต็มที่ที่สุดแล้ว
สำหรับกิจกรรมรับน้อง คณะเราไม่โหด เน้นเต้นเล่นเกมส์ละลายพฤติกรรม ทำให้สนิทกับเพื่อนและรุ่นพี่ได้ดีมาก ๆ บอกเลยว่าชอบที่สุดค่ะ “ชอบเต้น หรือชอบดูคนอื่นเต้นบ้าง” เวลาว่าง ๆ ก็จะฟังเพลง ส่วนใหญ่จะเป็นแนว EDM นอกจากนี้ชอบดูหนังและอ่าน WEBTOON ทุกคืนอีกด้วย กีฬาที่ชอบก็จะเป็นเทนนิสค่ะ “อ้น” จะไปตีเทนนิสกับคุณแม่หลังเลิกเรียนทุกวันตั้งแต่เด็ก แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย เวลาไม่ค่อยมีค่ะ
ความประทับใจอาจารย์ทุกคนตั้งแต่เข้ามาเรียนปรับพื้นฐานวันแรก ใน มจพ. อาจารย์เป็นกันเองจนน่าตกใจ ตอนแรกคิดว่า “เข้ามาเรียนนานาชาติต้องโดนพูดภาษาอังกฤษจนน่ากลัวเพราะเราไม่ได้เก่งมาก แต่ในความเป็นจริง อาจารย์ค่อยๆ ให้ปรับตัวด้วยการพูดผสมทั้งไทย-อังกฤษ จนเราปรับตัวได้ระดับนึง และไม่กลัวการพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและเพื่อน ๆ ก็ยังช่วยแบ่งปันความรู้และมีความสุข กับความสัมพันธ์ที่แข็งแรง มีเพื่อนสนิทที่ร่วมไปโครงการด้วยกัน อย่างไรก็ตามสังคมในรั้ว มจพ. สอนให้โตขึ้น ให้มีความรับผิดชอบและได้เรียนรู้การอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมให้เราใช้ชีวิตในวัยทำงานอย่างมีคุณภาพ
2. นางสาวณัฎฐ์พิพากษ์ ศิริสมบูรณ์ ชื่อเล่น “นัท” ชั้นปีที่ 4 จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต สายวิทย์-คณิต หลายๆ คน อย่าเพิ่งงงนะคะว่าเรียนจบจากวิทย์-คณิตทำไมมาเรียนบริหาร ก็เพราะว่าตอนที่เราเรียนสายวิทย์มา 3 ปี มันทำให้เรารู้ตัวเองค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ชอบเรียนวิทย์ วิชาที่ทำได้ดี จะเป็นวิชาคณิต กับภาษาอังกฤษ “เราเป็นคนหัวเร็วด้านตัวเลขมาก ส่วนภาษาก็เป็นเรื่องที่เราชอบ และถนัดมาตั้งแต่เด็ก” ครอบครัวสนับสนุนตลอดค่ะ จนกระทั่งการเลือกมาเรียนต่อที่ มจพ. เลยตัดสินใจไม่ยาก “นัท” ในลุคสาวมั่น เป็นคนที่กล้าคิด กล้าที่จะลงมือทำ มีความเป็นผู้นำ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเพื่อน ๆ ตัวเราคงเป็นเข็มทิศทันที คงเพราะด้วยว่าคุณพ่อเป็นทหาร ท่านปลูกฝังนิสัยความเป็นผู้นำมาให้ค่ะ เวลาว่าง ๆ จะชอบการดูหนัง ฟังเพลง บางอารมณ์ ในมุมมองเพื่อนจะเป็นคนตลกๆ โก๊ะๆ เปิ่นๆ เพราะอยู่กับเพื่อนๆ ชีวิตสนุกสนาน กีฬาที่ชอบก็คงเป็นแบดมินตันเหมาะกับตนเองที่เหนื่อยง่าย และเคยลงแข่งขันสมัยปี 2
ทุนการศึกษาที่ได้รับ จากโครงการ “3+1 สองปริญญา ไทย-เยอรมัน” ปัจจุบันเกรดเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 3.87 ก็ยังคงรักษาระดับนี้ไว้เรื่อย ๆ เพื่อน ๆ ไปสมัครโครงการนี้ทั้งกลุ่มเลย แต่คะแนนภาษาต้องผ่านเกณฑ์ด้วยนะคะ “นัท” คิดว่าดีมากเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ไปเรียนต่างประเทศ ประเทศที่ไปคือ เยอรมัน พอเราจบมาก็จะได้ปริญญาตรีถึง 2 ใบ จากทั้งสองมหาวิทยาลัย รัฐที่เราจะไปกันคือ รัฐ Bremen มหาวิทยาลัย Bremerhaven เป็นปลื้มมาก บวกกับที่คณะที่ไปก็ตรงกับสายที่เราเรียน แล้วเป็นเมืองติดท่าเรือ คงได้ไปดูไปศึกษาอะไรหลายๆอย่างจากที่นั่น ทั้งการเรียนการสอน การใช้ชีวิต ภาษา วัฒนธรรม รวมถึงการทำงาน
ชีวิตในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 1 จนถึงตอนนี้ก็สนุกและได้เรียนรู้อะไรก็มาก “หลายคนคิดว่าเรียนวิทยาลัยนานาชาติ คงต้องมีเงินเยอะแน่ ๆ เลย แต่ไม่จริง เราเป็นคนที่ไม่ได้มีเงิน ครอบครัวเราก็ช่วยกัน ส่วนนัทก็หาค่าขนมเองและทำงานสอนพิเศษตั้งแต่ปี 1” งานสอนพิเศษค่ะ สอนพิเศษก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรที่กว้างขึ้น ที่แน่ ๆ เลยคือเรื่องของการจัดการเวลา เพราะเรามีเป้าหมายแน่ชัดว่าต้องตั้งใจเรียน แต่งานก็ต้องทำ เรียนเสร็จก็ต้องรีบไปสอนพิเศษ แล้วก็กลับมาอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ชีวิตวนลูป แต่ก็ยังมีเวลาที่แบ่งไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้าง เพราะสังคมก็ยังต้องมี เลยพูดได้เต็มๆ เลยค่ะ ว่าเราจัดเวลาเก่งมาก กิจกรรมที่ทำใน มจพ. “นัท”เป็นประธานรุ่นค่ะ รุ่น 04 แล้วก็ด้วยความพูดเก่งของเรา ก็เคยได้ไปทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานถวายสัตย์ของมหาวิทยาลัย (ภาษาอังกฤษ) นอกจากนั้นก็รับบทพิธีกรคณะ งานค่ายต่างๆ ค่ายเชิงวิชาการและงานอื่น ๆ การทำงานสิ่งใดทุกคนต้องมีเป้าหมาย ทำตามเป้าหมายแค่นั้นเลย และเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนได้ดี แบ่งเวลาให้เป็น ไม่หลงกับกิจกรรม พอเรามีเป้าหมาย ทำตามเป้าหมาย ก็แค่นั้นเลยค่ะ เราคิดว่าถ้าเราทำอะไรซักอย่างด้วยความชอบมันไม่เคยเป็นเรื่องน่าเบื่อเลยค่ะ เพราะเราเลือกคณะเอง ตั้งใจมาเรียน เรียนในสิ่งที่ชอบ เราเลยสนุกทุกครั้งที่ไปเรียน
เหตุการณ์ที่ประทับใจในมหาวิทยาลัยคือ งานถวายสัตย์ฯ ในปีแรกเป็นน้องใหม่ปี 1 ที่ต้องเข้าร่วมพิธี ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่ในปีที่มาเป็นพิธีกรรู้สึกภูมิใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน ขนลุกเลยค่ะ ส่วนเรื่องที่ผิดหวังก็คงเป็นการทำกิจกรรม ติดเที่ยวเล่น แอบลืมหน้าที่ตัวเองไป ทำให้เราไม่ค่อยได้โฟกัสการเรียนไป แต่ก็ยังดีที่คิด อาจารย์ที่ประทับใจมีหลายคนทุกคนสอนสนุก ตลก แบบอาจารย์ Mick, James, Peter อาจารย์ต่างชาติเฮฮามากค่ะ สอนไม่เครียด แต่จริง ๆ อาจารย์ที่วิทยาลัยนานาชาติทุกคนก็สอนดีทุกคน เป็นกันเองมาก เวลาพัก มีอะไรสงสัย อยากถามก็ถามได้ตลอด วิชาที่เราชอบก็เป็นวิชา Procurement, Marketing, Transportations เรียนสนุก เข้าใจง่าย เป็นเรื่องที่อยู่รอบตัวของเรา การเรียนในมหาวิทยาลัยมันคือ การเรียนในแบบที่เราโตขึ้น ไม่มีอาจารย์มาคอยบอก คอยสั่ง คอยตามงาน ต้องจัดการชีวิตเอง ก็ทำให้เราโตขึ้น คิดเองได้ พร้อมลงมือทำ ฝากประชาสัมพันธ์ว่า โครงการ 3+1 double degrees program และวิทยาลัยนานาชาติ มจพ. คุณภาพคับแก้ว และยินดีต้อนรับรุ่นน้องรุ่นต่อไป และรุ่นน้องในโครงการทุนทุกคนค่ะ
3.นายสิรวิชญ์ ปึงยั่งยืน ชื่อเล่น “เจมส์” ชั้นปีที่ 4 จบมัธยมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา สายวิทย์-คณิต เหตุผลที่ผมเข้ามาเรียนคณะนี้ก็เพราะว่าโดยส่วนตัว “ชอบการใช้ภาษาอังกฤษและสนใจการบริหารการจัดการธุรกิจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ ยิ่งไปกว่านั้นผมมองเห็นถึงโอกาสของอาชีพสายโลจิสติกส์ในประเทศไทยซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน “เจมส์” จัดว่าเป็นหนุ่มหล่อ ตาคม เสียงหล่อ ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ กระชากใจสาวเลยทีเดียวด้วยบุคลิกที่ดูแน่วแน่ ส่วนตัวผมเป็นคนเฮฮา เป็นคนชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ และคนที่สนิท และยังชอบฟังเพลงแนว อินดี้ อีกด้วย แต่ภายนอกคนที่ไม่สนิทจะมองผมเป็นคนเคร่งขรึมและไม่โต้ตอบ ซึ่งถ้าได้รู้จักผมลึก ๆ แล้วจะรู้เลยว่าผมไม่ใช่อย่างนั้นเลย ผมจบมัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา สายวิทย์-คณิตครับ เหตุผลที่ผมเข้ามาเรียนคณะนี้ก็เพราะว่าโดยส่วนตัว “ชอบการใช้ภาษาอังกฤษและสนใจการบริหารการจัดการธุรกิจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ” ยิ่งไปกว่านั้นผมมองเห็นถึงโอกาสของอาชีพสายโลจิสติกส์ในประเทศไทยซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน
การร่วมกิจกรรมเริ่มตั้งแต่ปี 1 ถึง ปี 4 เลยครับ งานสำคัญๆ ของ มจพ. ที่เคยได้เข้าร่วมงานพิธีการถวายสัตย์ฯ ในปีการศึกษา 2561 ในฐานะพิธีกรและได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรนักศึกษาของวิทยาลัยนานาชาติ รุ่น 04 จากประสบการณ์เหล่านี้ได้สอนให้ผม “เป็นคนที่ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดีในทุก ๆ วันนี้”
ปัจจุบัน ผมได้รับทุนการศึกษาที่ได้รับจากโครงการ “3+1 สองปริญญา ไทย-เยอรมัน” ผมจะต้องไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย Hochschule Bremerhaven University of Applied Science ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งทางโครงการก็จะกำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกนักเรียนทุน 3+1 ที่ผู้สมัครจะต้องมีเกรดเฉลี่ยรวม 3.00 ขึ้นไปและคะแนนวัดระดับภาษา IELTS score band 6 ขึ้นไป นอกจากเกณฑ์ในการเข้าสมัครแล้วทางอาจารย์จากเยอรมนี ก็ยังมองหาผู้สมัครที่มีเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และ พันธกิจที่ชัดเจนสำหรับการปรับตัวเพื่อความพร้อมสำหรับไปเยอรมนีของผมนั้นก็คือการเรียนรู้วัฒนธรรมและฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากเพื่อนนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาจากเยอรมนีและเข้าคอร์สเรียนภาษาเยอรมันพื้นฐาน
การใช้ชีวิตใน มจพ. สำหรับผมไม่ยากอย่างที่คิดเพราะว่า ผมเลือกที่แบ่งเวลาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องเรียนไม่เครียดหรือหมกมุ่นกับการเรียนจนมากเกินไป วางแผนแบ่งเวลาสำหรับการอ่านหนังสือช่วงสอบในแต่ละวิชา และ พยายามติวสอบกับเพื่อน ๆ ของผมเป็นกลุ่มเพื่อแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และใช้เวลาร่วมกับเพื่อน ๆ ในรั้วมหาลัย ผมยึดมั่นในคติว่า “เวลาเรียนเป็นเรียน เวลาเล่นเป็นเล่น” ซึ่งทำให้ผมแบ่งเวลาส่วนตัวกับเวลาเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวผมก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่มหาลัยเรื่องการปรับตัวเข้าหาสังคมในรั้วมหาลัยนั้นเป็นเรื่องที่ยากและเพื่อนในมหาลัยจะไม่จริงใจต่อกัน แต่สังคมที่ผมอยู่นั้นเพื่อนและอาจารย์ในคณะเป็นมิตรและใจดีมากเลยครับ ส่วนเรื่องที่ทำให้ผิดหวัง “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติและบทเรียนที่สอนให้ผมเป็นตัวของตัวเองในทุกวันนี้ครับ” อาจารย์แต่ละคนในวิทยาลัยก็มีสไตล์การสอนเป็นของตัวเองทำให้การสอนในแต่ละวิชาสนุกมากเลยครับ
สังคมในมหาวิทยาลัยของผมนั้นนำพาให้ผมพบเจอสังคมใหม่ พบเพื่อนใหม่ สอนให้ผมพึ่งพาตัวเอง และเป็นสังคมที่นักเรียนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สอนให้ผมเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับที่ดีสำหรับคนรอบตัวของผม ยิ่งไปกว่านั้นการเรียนการสอนของอาจารย์แต่ละคนก็ยังแทรกมุมมอง และทัศนคติด้านการบริหารธุรกิจที่นำไปประยุกต์ใช้ไม่ว่าจะประกอบอาชีพไหนก็ตาม
บอกได้เลยทั้ง 3 คน เด็ดมากหลากหลายความคิด มีมุมมองที่ไม่ธรรมดา สุดท้ายสำเร็จสมความตั้งใจจากโครงการทุน 3+1 Double degree program จากวิทยาลัยนานาชาติ มจพ. ซึ่งนับจากนี้เขาทั้ง 3 คน ก็บินลัดฟ้าไปที่เยอรมัน ไปเป็นนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยนานาชาติที่มีชื่อเสียง ควบคู่กับการทำหน้าที่แลกเปลี่ยนนักศึกษาของทั้งสองมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านวัฒนธรรม การจัดการเรียนการสอน ทุกคนมีความพร้อมมาก ขอให้เดินทางโชคดี และมีความสุขในการเรียน
ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ