ปัจจุบันไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเฉลี่ยคนละ 6,286 บาท หรือคิดเป็น 13% ของรายจ่ายประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงจากปัจจัยที่คนเมืองมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เสี่ยงต่อโรค ทั้งโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน เป็นต้น
ในปี 2562 ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก และในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คือมีสัดส่วนผู้สูงอายุถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า สัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มสูงถึงร้อยละ 32 ของประชากรทั้งหมด หรือราว 20.5 ล้านคน ซึ่งสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมีแนวโน้มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
โดยในปีที่ผ่านมา จากสถิติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอยู่ที่ 388,976 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของรายจ่ายประเทศ เฉลี่ยคนละ 6,286 บาท/ปี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาทในอีก 15 ปีข้างหน้า จากปัจจัยที่ประชากรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในเขตเมืองมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เสี่ยงต่อกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งจากการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีเป้าหมายในการออกกำลังกาย รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
ซึ่งกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 6 โรคยอดฮิต ประกอบด้วย โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ และโรคเบาหวาน ซึ่งโรคต่างๆข้างต้น ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่า 300,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของการเสียชีวิตของประชากรทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 25.2 พันล้านบาทต่อปี
คุณนิวัฒน์ ดวงจิโน ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตประเวศ กล่าวว่า จากการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2560 พบว่ากรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปในทะเบียนราษฎร์ จำนวน 978,455 คน คิดเป็นร้อยละ 17.22 ซึ่งเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” (Complete Aged Society ) ในปี 2564 ที่จะมีถึง 1 ใน 5 โดยเขตประเวศ มีประชากรตามทะเบียนราษฎร์ทั้งหมด177,436 คน เป็นผู้สูงอายุ60 ปีขึ้นไป จำนวน 27,110 คน คิดเป็นร้อยละ 15.28 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งนับได้ว่าได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แล้ว
คุณสุกัญญา สุวรรณนภาศรี กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทนัมเบอร์วัน เปิดเผยว่า จากข้อมูลข้างต้น จึงเป็นที่มา ของกิจกรรม “สูงวัยยืนหนึ่ง แค่ขยับเท่ากับบริจาค ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ยากไร้ ด้อยโอกาส ในเขตประเวศ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และการทำงานในครั้งนี้ เราได้ร่วมกับเขตประเวศ และมีการหารือร่วมกัน โดยได้เข้าไปสำรวจชุมชนต่างๆในพื้นที่เขตประเวศ พบว่าเขตประเวศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ เนื่องจากเข้าเกณฑ์มีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ทำให้เรามองว่า สังคมผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือเรื่องของภาครัฐเท่านั้น จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ ให้เกิดความภูมิใจที่สามารถดูแลช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นได้ จึงจัดกิจกรรม CSR “สูงวัยยืนหนึ่ง แค่ขยับเท่ากับบริจาค” รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย มอบให้ผู้สูงอายุยากไร้ ด้อยโอกาสในพื้นที่เขตประเวศ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กลุ่มบริษัทนัมเบอร์วัน มุ่งหวังให้เกิดการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยใช้การออกกำลังกายเป็นสื่อกลางที่นอกจากจะทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สุขภาพที่ดีแล้ว การออกกำลังกายดังกล่าวยังช่วยเป็นสะพานบุญที่ทำให้ผู้สูงอายุยากไร้ ด้อยโอกาสในพื้นที่เขตประเวศได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
สำหรับกลุ่มบริษัทนัมเบอร์วัน เริ่มต้นทำธุรกิจในพื้นที่เขตประเวศ นี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 นับเป็นเวลากว่า 26 ปี ที่ดำเนินธุรกิจเพื่อตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง
· ทั้งด้านการศึกษา ผ่านการบริจาคที่ดิน ให้กับทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อสร้างเป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหงวิทยาเขตบางนาหรือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง2 เนื่องจากเล็งเห็นว่า “การศึกษาเป็นรากฐานของสังคมคุณภาพ”
· การช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ขาดแคลนให้ได้รับบริการด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ โดยร่วมบริจาคเครื่องมือแพทย์ผ่านโรงพยาบาลต่างๆ
· ร่วมพัฒนาชุมชน ด้วยการมอบถนน ให้เป็นสาธารณะประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนในชุมชน อาทิ ถนนรามคำแหง2
· มีส่วนร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยการทำบุญในวัดสำคัญต่างๆ
สำหรับกิจกรรม “สูงวัยยืนหนึ่ง แค่ขยับเท่ากับบริจาค” ทุกท่านสามารถร่วมบริจาคได้ตามช่องทางดังนี้
1. เข้าร่วมกิจกรรม Dance Exercise ในทุกวันอังคารตลอดเดือนตุลาคม 2562 เวลา 17.00 – 18.00 น. ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุยากไร้ ด้อยโอกาสในพื้นที่เขตประเวศ โดยใช้การออกกำลังกายเป็นสื่อกลาง ซึ่งทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มบริษัทนัมเบอร์วัน เปลี่ยนเป็นเงินบริจาค 100 บาทต่อท่าน และจะทวีคูณเป็น 2 เท่า หากผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีอายุ 60 ปีขึ้นไป
2. ร่วมเสื้อการกุศล ตัวละ 299 บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ร่วมสมทบเข้ากิจกรรม
3. บริจาคผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 154-254137-2
ทั้งนี้ จะนำเงินบริจาคทั้งหมดที่ได้รับจากกิจกรรมไปจัดซื้อรถเข็นวีลแชร์ อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุ สามารถเคลื่อนไหวร่างกายและพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
นอกจากิจกรรมที่ผ่านมาแล้ว ยังมีกิจกรรมประกวดสุขภาพ “วัยเก๋า สุขภาพดี” โดยรับสมัครชายหญิงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มั่นใจว่าสุขภาพแข็งแรง ร่วมทดสอบสมรรถภาพความพร้อมของร่างกาย 3 ด้าน คือ สมรรถภาพทางกายทั่วไป ความสามารถทางด้านทักษะการเคลื่อนไหว และด้านการทำงานของสมอง ในวันที่ 26 – 27 ตุลาคม 2562 โดยแบ่งการประกวดออกเป็นประเภทชายและหญิงจำนวน 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ 1 อายุ 60 – 69 ปี, กลุ่มที่ 2 อายุ 70 – 79 ปีและกลุ่มสุดท้ายอายุ 80 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้ชนะ 3 ลำดับแรกของแต่ละกลุ่มรับโล่เกียรติยศ, ใบประกาศนียบัตร และของที่ระลึก ส่วนผู้เข้าร่วมกิจกรรมท่านอื่นๆรับเหรียญที่ระลึก สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Dance Exercise หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.numberonegroup.com/csr-inside.php?naid=6