นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า สสช. จะจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555 ในขั้นที่ 2 ตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม นี้ โดยส่งเจ้าหน้าที่ของ สสช. คือ “มาดี” ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการทั่วประเทศเพื่อสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลการประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรม แต่หาก ไม่สะดวก จะตอบทางอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำได้
สำหรับประเภทธุรกิจที่เข้าข่ายการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ธุรกิจการค้า การบริการและอุตสาหกรรมการผลิต (ยกเว้น หาบเร่ แผงลอย)โดยที่ธุรกิจขนาดเล็กที่มีคนทำงานไม่เกิน 10 คน จะเก็บข้อมูลเฉพาะรายที่ถูกเลือกเป็นตัวอย่างเท่านั้น ส่วนธุรกิจที่มีคนทำงานตั้งแต่ 11 คนขึ้นไป จะเก็บข้อมูลทุกแห่ง
การจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม ครั้งนี้ เป็นการเก็บข้อมูลรายละเอียด หรือที่เรียกว่า “การแจงนับ” (Enumeration) โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2554 สสช. ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลพื้นฐาน หรือเรียกว่า “การนับจด” (Listing) ซึ่งสรุปผลเบื้องต้นจากการนับจดพบว่าทั่วประเทศมีผู้ประกอบธุรกิจ การค้า การบริการ การผลิต และการก่อสร้าง จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2.25 ล้านแห่ง มีคนทำงานในกิจการดังกล่าวประมาณ 10.2 ล้านคน
การประกอบธุรกิจขนาดเล็กที่มีคนทำงาน 1-15 คน มีถึง 97% และมีเพียง 3% ที่มีคนทำงาน 16 คนขึ้น
ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.nso.go.th ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ
กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมครั้งนี้ จะแสดงให้เห็นโครงสร้างของรายรับผลการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ องค์ประกอบของค่าใช้จ่าย ค่าจ้างแรงงาน รวมถึง ผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2554
ข้อมูลสถิติดังกล่าว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งแก่ภาครัฐ ในการวางแผน กำหนดนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภาคเอกชน สามารถใช้ในการวิเคราะห์ ตัดสินใจ ด้านการบริหารและการลงทุน รวมถึงเปรียบเทียบการดำเนินธุรกิจของตนกับธุรกิจประเภทเดียวกันในภาพรวม สำหรับภาคประชาชน สามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจลงทุน เปิดกิจการ และเพื่อประกอบการตัดสินใจเข้าสู่ตลาดแรงงานตามสาขาที่ตนเองสนใจ
ข้อมูลจากการจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม จึงมีความสำคัญ เปรียบเสมือน “เข็มทิศเศรษฐกิจ” ที่ชี้ให้เห็นทิศทางได้ชัดเจนขึ้นว่า ประเทศไทยควรจะพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมไปในทิศทางใด เพื่อความพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวย้ำ