สนพ.เผยสถานการณ์น้ำมันและไฟฟ้าไตรมาสที่ 1 ปี 2559 ใช้ไฟทุบสถิติเพิ่มขึ้น7.5%เหตุร้อนจัดและฝนทิ้งช่วง

0
315
image_pdfimage_printPrint

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์น้ำมันและไฟฟ้าช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2559 ในภาพรวมทั้งประเทศมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและปรากฏการณ์เอลนีโญเป็นเวลานานและจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น43,278ล้านหน่วย (กิกะวัตต์ชั่วโมง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6ซึ่งล่าสุดเกิดพีคไฟฟ้าสูงสุดเมื่อวันที่28 เม.ย.59เวลา 14.23น. อุณหภูมิเฉลี่ย37.8 ที่ 29,407 เมกะวัตต์ สูงกว่าพีคไฟฟ้าปี 2558 อยู่ที่ 27,346 เมกะวัตต์ อยู่ 2,061เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5
ภาพรวมสถานการณ์น้ำมันช่วงไตรมาสที่1 ของปี 2559การใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินยังปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 และ 12.2 ตามลำดับ จากราคาขายปลีกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมันตลาดโลกและการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนสำหรับการใช้น้ำมันภาคขนส่งทางบก ในภาพรวมมีการใช้เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.52เป็นการเพิ่มขึ้นจากน้ำมันเบนซินและดีเซลที่ร้อยละ 5.95 และ 12.20 ตามลำดับ ขณะที่การใช้ LPGและ NGV ปรับลดลงร้อยละ 15.47 และ 6.32 ตามลำดับเนื่องจากมีการปรับราคาขายปลีกให้สะท้อนต้นทุนมากขึ้น และผู้ใช้บางส่วนหันกลับไปใช้น้ำมันจากราคาที่ปรับลดลง โดยราคาขายปลีก LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 21.03 บาทต่อกิโลกรัม ปรับลดลง 3.13 บาทต่อกิโลกรัม จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาขายปลีก NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 13.50บาทต่อกิโลกรัมโดยมีรถยนต์ติดตั้ง NGV สะสมรวม 473,649 คัน และสถานีบริการ NGV จำนวนรวม 501 สถานี สำหรับภาพรวมสถานการณ์ไฟฟ้าช่วงไตรมาสที่1 ของปี 2559ในด้านสถานการณ์ไฟฟ้าเนื่องจากช่วงไตรมาสแรกมีสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องเป็นเวลานานประกอบกับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นโดยกำลังผลิตไฟฟ้าในระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559อยู่ที่ 40,337 เมกะวัตต์(ไม่รวมการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า VSPP) พบปริมาณการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 43,278 ล้านหน่วย (กิกะวัตต์ชั่วโมง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6จึงส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) เมื่อวันที่ 28เมษายน 2559 ที่ผ่านมา เวลา 14.23 น. อุณหภูมิ 37.8 องศาเซลเซียส ที่ 29,407 เมกะวัตต์ สูงกว่าพีคไฟฟ้าของปี 2558 อยู่ที่ 27,346 เมกะวัตต์ อยู่ 2,061 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้าจากภาคธุรกิจอาคารสำนักงาน และครัวเรือน ซึ่งจากข้อมูลพบว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าแยกรายสาขาแบ่งเป็น ภาคอุตสาหกรรม44% ภาคครัวเรือน 23% ภาคธุรกิจ 19% กิจการขนาดเล็ก 11% ภาคเกษตรกรรมและอื่นๆ 3%โดยเพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขาเศรษฐกิจยกเว้นการใช้เพื่อสูบน้ำในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงเนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้การใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ภาคธุรกิจและบริการ ส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นมากในกลุ่มดังกล่าว ส่วนการใช้ไฟฟ้าในภาค อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นไม่มากจากอุปสงค์ที่ยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญที่ยังทรงตัว
สนพ. ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือกับการรณรงค์รวมพลังคนไทย ลดพีคไฟฟ้า ตามมาตรการ 4 ป. “ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน” วันอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 14.00-15.00 น.ตั้งแต่วันนี้ – 20พ.ค.นี้ด้วยการปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเป็น 26 องศา หรือเปลี่ยนจาก Cool Modeเป็น Fan Mode ปลดปลั๊กเมื่อไม่ใช้ และเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์เบอร์ 5 ซึ่งทุกคนสามารถช่วยชาติประหยัดไฟฟ้าได้เพียงช่วยกันลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงและรองรับการเกิดพีค (Peak) ในช่วงหน้าร้อน ติดตามเฝ้าระวังพีคไฟฟ้า ได้ทาง www.sothailand.com และ www.eppo.go.th และเฟสบุ๊ค : EPPOThailand เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานไทย

…………………………………………………….