ข่าวประชาสัมพันธ์
สจล. จับมือ สถาบันดังในต่างประเทศด้านวัตกรรมและเทคโนโลยี จัดงาน ไอ เอส ที เอส 2018 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านการเรียนการสอน จุดพลุการเรียนการสอนแบบใหม่ ใช้โจทย์งานจากจริงเป็นบทเรียน
สจล. จับมือ สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น จัดทัพนักศึกษาเข้าร่วมงาน ไอ เอส ที เอส 2018 ค้นหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ต่อยอดใช้งานในชีวิตจริง โดยมีหน่วยงานเอกชนในประเทศไทย ได้แก่ กรุงไทย, พีทีที ดิจิตอล, เอดับบิลเอส (AWS), ออโตเดสก์ (AutoDesk) และ เรือเร็วลมพระยา ร่วมให้โจทย์ในกิจกรรมไอ เอส ที เอส 2018
รศ.ดร.อนุวัฒน์ จางวนิชเลิศ รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายบริหารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า “การจัดงาน ไอ เอส ที เอส 2018 (ISTS 2018) ครั้งนี้ เป็น ลักษณะของงาน ไอ เอส ที เอส 2018 (ISTS 2018) เป็นการรับโจทย์จากผู้ประกอบการเพื่อให้ทีมนักศึกษาได้ระดมสมองเพื่อคิดค้นและประดิษฐ์นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาจริงกันแบบ-มาราธอนภายในระยะเวลา 7 วัน 7 คืน โจทย์ที่ได้รับเป็นโจทย์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม การจัดกิจกรรมลักษณะนี้ เรียกกันว่า แฮ็คคาธอน (Hackathon) วัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ นักศึกษาจากหลากหลายสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศมีโอกาสทำงานร่วมกันเพื่อฝึกการใช้ทักษะทางวิศวกรรม การออกแบบและธุรกิจในการแก้ปัญหาโจทย์จากธุรกิจจริง”
การจัดงานไอ เอส ที เอส 2018 (ISTS 2018) ครั้งนี้ ทางสจล. ได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งขาติ ประเทศญี่ปุ่น (KOSEN – National Institute of Technology , Japan ) เป็นผู้ร่วมจัดงาน มีการเปิดโอกาสให้นักศึกษาจากสจล. และ KOSEN ได้ทำงานร่วมกันในการเตรียมความพร้อมของการจัดงานร่วมกัน ฝึกภาวะความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกันเป็นทีม
การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นักศึกษาสมัครเข้ามาเพื่อร่วมกิจกรรมแฮ็คคาธอนครั้งนี้ นักศึกษาสามารถสมัครเข้ามาร่วมโครงการได้ โดยในหนึ่งทีมจะต้องประกอบไปด้วยนักศึกษาที่มาจากต่างสาขากัน อาทิ วิศวกร โปรแกรมเมอร์ การตลาด สถาปนิก การจัดทีมจะคละสาขาที่ต่างกัน คละประเทศ โจทย์ที่ได้รับและภูมิหลังทางด้านการศึกษาจะมีส่วนสำคัญในการจัดทีม นักศึกษาที่เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มาจาก 5 ประเทศ ได้แก่ 1 ญี่ปุ่น 54 คน 2 สิงคโปร์ 16 คน 3. ฮ่องกง 20 คน 4. อินโดนีเซีย 12 คน 5. ไทย 50 คน รวมทั้งหมดมีนักศึกษาในการแข่งขันครั้งนี้ 152 ท่าน แบ่งเป็นทั้งหมด 30 ทีม ทีมละ 5-6 คน การให้โจทย์จะเน้นในหัวข้อ 5 ด้านจาก Sustainability Development Goals (SDGs) ตามนโยบายของ องค์การสหประชาชาติที่ได้ให้ไว้ และหัวข้อในการให้โจทย์ของนักศึกษาจะคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ทางด้าน
นวัตกรรม การดูแลสุขภาพ ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ การท่องเที่ยว และอื่น ๆ โจทย์ที่ได้มาจรากทั้ง 5 บริษัทเป็นโจทย์จาก 5 กลุ่มธุรกิจที่มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของบริษัท ได้แก่ 1. โจทย์จากธนาคารกรุงไทยในการประยุกต์ใช้ Chat Bot และปัญญาประดิษฐ์มาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางด้านการเงิน 2. โจทย์จาก AWS เป็นการนำระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์มาช่วยให้วิถีการดำเนินงานของคนในบ้านมีความสะดวกสบายมากขึ้น 3. โจทย์จากพีทีทีดิจิตอล เป็นการนำโดรนมาทำงานร่วมกับมนุษย์สำรวจเมืองอัจฉริยะเพื่อเพิ่มเติมความสะดวกสบายและความปลอดภัยในเมืองอัจฉริยะ 4. โจทย์จากเรือเร็วลมลมพระยา ในการทำเทคโนโลยี AR/VR มาช่วยสร้างมูลค่าและความปลอดภัยในธุรกิจการท่องเที่ยว 5. โจทย์จาก AutoDesk ในการสร้างระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ
ดร.ธีรวัฒน์ อัศวโภคี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานนวัตกรรมข้อมูลเพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า “การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ของธนาคารในการก้าวสู่ธนาคารแห่งอนาคต หรือ Future Banking และเป็นโอกาสที่ธนาคารจะได้ร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ในการส่งเสริมและสรรหาบุคลากรที่มีทักษะด้านไอทีในระดับภูมิภาคและในระดับโลก ซึ่งจะเป็นที่ต้องการในภาคธุรกิจต่างๆ รวมทั้งเป็นช่องทางในการเฟ้นหาทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพเพื่อมาทำงานร่วมกับธนาคารต่อไป”
“โดยการแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นในรูปแบบ แฮ็คคาธอน (Hackathon) ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะได้แข่งขันในสถานการณ์ที่เสมือนชีวิตการทำงานจริงในการวางแผนการจัดการเวลา การทำงานเป็นทีม ปรับเปลี่ยนคิดค้นแก้ปัญหา หรือ Hack ปัญหา อย่างติดต่อกันแบบมาราธอน Marathon เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของธนาคารที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา โดยในการแข่งขันจะมีผู้เชี่ยวชาญจาก Krungthai Innovation Lab ของธนาคารมาเป็นผู้สนับสนุนและให้คำแนะนำเชิงเทคนิคแก่ทีมผู้เข้าแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยี Thai Optical Characer Recognition (Thai-OCR) หรือระบบการประมวลผลข้อความและจัดเก็บข้อมูลเอกสารภาษาไทย และในการพัฒนาเทคโนโลยี AI Chatbot หรือระบบสนทนาโต้ตอบอัตโนมัติ ที่จะสามารถนำมาประยุกต์กับการดำเนินธุรกิจของธนาคาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานของธนาคาร โดยเฉพาะกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ ให้รวดเร็ว ลดข้อผิดพลาด นำมาซึ่งการให้บริการที่เป็นเลิศและตอบโจทย์ลูกค้าประชาชนในยุคดิจิตอล 4.0 ต่อไป”
รางวัลสำหรับการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นับว่าเป็นเกียรติของผู้ที่เข้าร่วมงานนี้เป็นอย่างยิ่งที่ จะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และยังมีท่านอื่น ๆ ที่ได้มอบถ้วยรางวัลมาให้ในครั้งนี้ อาทิ พลเอกสุรยุทธ จุลลานนท์ องคมนตรี มอบถ้วยรางวัล ในด้านความเป็นไปได้ทางการตลาดมากที่สุด สถาบันเทคโนโลยีแห่งขาติ ประเทศญี่ปุ่น (KOSEN – National Institute of Technology , Japan ) มอบถ้วยรางวัลในด้านการใช้ศาสตร์ที่ล้ำสมัยที่สุด ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ มอบถ้วยรางวัลในด้าน นวัตกรรมสุดล้ำ และถ้วยรางวัลอื่น ๆ
การจัดกิจกรรมใน ไอ เอส ที เอส 2018 (ISTS 2018) ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 ตุลาคม 2561 โรงแรม เอวัน พัทยา ชลบุรี สำหรับท่านที่สนใจกิจกรรม ติดต่อกิจกรรมแฮ็คคาธอนครั้งนี้ได้ที่ http://ists2018.kmitl.ac.th