สกรศ. เปิดโครงการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ EEC เดินหน้าพัฒนาเยาวชนใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก

0
318
image_pdfimage_printPrint

สกรศ. เปิดโครงการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ EEC เดินหน้าพัฒนาเยาวชนใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก

เน้นสร้างแรงบันดาลใจ เสริมทักษะ สอดรับความต้องการแรงงาน EEC ในอนาคต
สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) เปิดตัวโครงการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ EEC เตรียมพร้อมพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ให้มีศักยภาพและตอบสนองต่อความต้องการของภาคการผลิตและภาคการบริการ โดยมุ่งเสริมความรู้และสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กและเยาวชน ในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ให้สามารถพัฒนาต่อยอดการเรียนรู้และเตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงานในอนาคต

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า “รัฐบาลมีนโยบายในการดำเนินโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ในเขต 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่นำร่อง Thailand 4.0 โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใช้โทคโนโลยีขั้นสูง 5 อุตสาหกรรมเดิม ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เกษตรเทคโนโลยีชีวภาพ และแปรรูปอาหาร และ 5 อุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน และเพื่อให้การดำเนินนโยบายบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ให้มีความรู้และทักษะที่สอดรับกับความต้องการแรงงานในพื้นที่จึงเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง สกรศ. จึงจัดทำโครงการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ EEC ขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ให้มีศักยภาพและตอบสนองต่อความต้องการของภาคการผลิตและภาคการบริการในพื้นที่ โดยมอบหมายให้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโครงการจัดทำหลักสูตรแนวทางการพัฒนาระบบการศึกษา เพื่อยกระดับศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ EEC โดยเน้นไปที่ระดับมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นระดับที่สามารถกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการเลือกสาขาวิชาชีพเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งให้มีการจัดกิจกรรมประกอบหลักสูตร และทำระบบ Open Educational Resources Network (OER) เพื่อรวบรวมและนำเสนอองค์ความรู้ที่ได้จากการจัดกิจกรรมนำไปเผยแพร่ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ต่อไป”

โครงการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ EEC ในขั้นต้นนี้ เป็นการดำเนินงานศึกษา วิจัย จัดทำหลักสูตรและฝึกอบรมเยาวชนในระดับมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นระดับที่สามารถกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการเลือกสาขาวิชาชีพที่จะรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีการจัดทำกิจกรรมประกอบหลักสูตรผ่านการจัด ค่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมใหม่ จำนวน 4 กิจกรรม ประกอบด้วย เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotics) เทคโนโลยีเกมและแอนิเมชัน (Games&Animation) อินเทอร์เน็ตออฟติงส์ (Internet of Things หรือ IoT) และเทคโนโลยีการบินและอวกาศ (Drone) ซึ่งใช้หลักการเรียนการสอนแบบ STEM Education + ART ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง (Brain-based Learning) เป็นแนวคิดหลักในการจัดกิจกรรม

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินโครงการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ EEC จะช่วยให้เยาวชน ครู อาจารย์ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญ มีแรงบันดาลในการพัฒนาตนเอง มองเห็นช่องทางด้านอาชีพ และเตรียมพร้อมตนเองทั้งในด้านการศึกษา และทักษะ เพื่อให้สอดรับกับตลาดแรงงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” ดร.คณิศ กล่าวทิ้งท้าย

ค่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะมีขึ้นรวมทั้งสิ้น 92 ครั้ง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ในพื้นที่ 3 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2560 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา วันที่ 16 ธ.ค. 2560 – 21 ม.ค. 2561 ณ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี วันที่ 27 ม.ค. – 17 ก.พ. 2561 ณ ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก วิทยาลัยเทคนิคระยอง จ.ระยอง นอกจากนั้น ยังมีหลักสูตรอบรมเข้มข้นการจัดการเรียนรู้ค่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามหลัก BBL+STE(A)M สำหรับครู ในวันที่ 18 ก.พ. 2561 ณ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี เยาวชนและครูผู้สนใจสามารถติดต่อลงทะเบียนเข้ารับการอบรมได้ที่ www.eeco.or.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร 02-1056524, 02-1056511 และ 02-1056517