ศัลยแพทย์ชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจพบระยะแรก หายได้ 95% ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบใหม่ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว !!!

0
256
image_pdfimage_printPrint

นายแพทย์ ธีรสันติ์  ตันติเตมิท  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศัลยแพทย์ คลินิกลำไส้ใหญ่และทวารหนัก  คลินิกโรคระบบทางเดินอาหาร  โรงพยาบาลพญาไท 2  กล่าวว่า  ปัจจุบันนี้โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก  เป็นสาเหตุการตายอันดับสองของประชากรโลกรองจากมะเร็งปอด         เนื่องด้วยปัจจัยชี้นำของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักมาจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ดังนั้นจึงควรหันมาใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์เพื่อป้องกันการเกิดโรค  นอกจากนั้นการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักก็เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคนเราเริ่มเข้าสู่อายุ 40 ปีขึ้นไป  ควรใส่ใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของอาหารการกิน การออกกำลังกาย และภาวะความเครียดต่างๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการร่างกาย  แม้ยังไม่มีข้อสรุปและผลการวิจัยที่แน่ชัดว่าการเกิดมะเร็งในร่างกายของคนเรานั้นมาจากปัจจัยใดเป็นหลัก     แต่ก็มีรายงานที่อ้างอิงได้ว่า อาหาร มลภาวะ และความเครียดสามารถก่อให้เกิดเนื้อร้ายในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้  ดังนั้นการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รู้เท่าทันภาวะของโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย  โดยแนะนำว่าควรเริ่มตรวจสุขภาพอย่างจริงจังในทุกระบบเมื่ออายุ 40 ปี และทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุกปี หรือทำความสะอาดลำไส้ด้วยการดีท๊อกซ์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันได้

ในปัจจุบันนี้พบว่าประชาชนได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น อาจเป็นเพราะสาเหตุหลักจากอาหารที่บริโภคเข้าไปในแต่ละวัน  ซึ่งในร่างกายของคนเรานั้นจะปรับตัวตอบสนองกับสิ่งเร้าทั้งในและนอกร่างกายอยู่ตลอดเวลา  ดังนั้นการเกิดของมะเร็งจึงเป็นธรรมชาติเช่นกัน  ในทางการแพทย์พบว่าในร่างกายส่วนต่างๆ จะมีการเกิดติ่งเนื้อขึ้นมาเอง เมื่อเกิดติ่งเนื้อขึ้นในลำไส้ใหญ่นั่นคือกลไกการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อเยื่อบุผนังภายในลำไส้ใหญ่ถูกกระตุ้นด้วยสารพิษที่อยู่ในกากอาหาร ซึ่งมักจะมาจากอาหารที่รับประทานเข้าไปเป็นเวลานานหลายสิบปี จะนำไปสู่ความผิดปกติของยีนจนเกิดการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่เกิดเป็นเนื้องอกเล็กๆ ต่อมาเนื้องอกนี้จะกลายพันธุ์และแบ่งตัวจนมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยการเป็นมะเร็งระยะแรกจะเกิดที่ผิวของก้อนเนื้องอกเท่านั้นยังไม่ลุกลาม ซึ่งหากตรวจพบในระยะนี้ก็จะสามารถผ่าตัดออกได้โดยมะเร็งยังไม่ลุกลามทำอันตรายต่ออวัยวะอื่น ซึ่งการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ในปัจจุบันมี 2 วิธี คือ การส่องกล้องตลอดความยาวของลำไส้ใหญ่ (colonoscopy)  เมื่อพบติ่งเนื้อก็สามารถใช้เครื่องมือตัดออกมาตรวจได้  ซึ่งถ้าผลการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 1 ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดถึง 95% โดยไม่ต้องรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเพิ่มเติม   ส่วนการตรวจหาติ่งเนื้ออีกวิธีหนึ่งคือ การเอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT colonography) ซึ่งสามารถเห็นทั้งภายในและภายนอกของลำไส้ใหญ่

ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้คือ เคยตรวจพบติ่งเนื้อ Adenomatous polyps, มีประวัติครอบครัว เป็นมะเร็งลำไส้ หรือมีติ่งเนื้อชนิด Adenomatous polyps,  มีประวัติในครอบครัวเป็นมะเร็งหลายชนิด อาทิมะเร็งเต้านม รังไข่ มดลูก และอวัยวะอื่นๆ, มีประวัติเป็นลำไส้อักเสบ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็งลำไส้คือ การกินอาหารที่มีเส้นใยน้อยแต่มีไขมันมาก การนั่งอยู่กับที่ไม่ค่อยมีการขยับไปมา

อาการแสดงของมะเร็งลำไส้นั้น  ในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการแสดงใดๆ เลย แต่ต่อมาจะเริ่มมีเลือดออกจากทวารหนัก  มีเลือดในอุจจาระ  จำนวนครั้งในการถ่ายอุจจาระเปลี่ยนไปจากเดิม รูปร่างของอุจจาระจะเล็กลง  มีอาการปวดที่บริเวณท้องช่วงล่าง  มีอาการปวดจากท้องอืดบ่อยขึ้น  น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่องและมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

ถ้าตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้แล้ว วิธีการรักษาที่ดีก็คือการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยทำให้การผ่าตัดได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  อาทิ  การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery)  มีข้อดีคือไม่ต้องเปิดปากแผลกว้าง แผลมีขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตรเท่านั้น    ทำให้ผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นน้อย  และยังลดภาวะเสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก เนื่องด้วยผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเป็นคนอายุมาก ส่วนใหญ่อายุประมาณ 45 ปี ขึ้นปี  ถ้าหากทำการผ่าตัดแบบปกติจะต้องเปิดปากแผลกว้างมาก (ประมาณ 7 – 10 นิ้ว) ทำให้เสียเลือดในปริมาณมาก และยังต้องใช้เวลาในการพักฟื้นหลังผ่าตัดนานมาก  เพราะต้องทำช่องขับถ่ายเทียมผ่านทางหน้าท้อง ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีผู้นิยมเลือกการผ่าตัดแบบส่องกล้องมากขึ้น  ซึ่งโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนในประเทศไทยก็มีการนำเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องมาใช้กันอย่างแพร่หลาย หากแต่การผ่าตัดแบบนี้ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง  เครื่องมือและอุปกรณ์ในการผ่าตัดหลายชิ้นที่ต้องใช้แล้วทิ้งเลยนำกลับมาใช้อีกไม่ได้  นอกจากนั้นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดผ่านกล้องก็อยู่ไม่มาก ยิ่งในสาขาของศัลยกรรมผ่าตัดมะเร็งลำไส้มีผู้ที่เชี่ยวชาญอยู่ประมาณ 5 – 10 % ของแพทย์ทั้งหมดเท่านั้น

สำหรับผู้สนใจในการศึกษาข้อมูลเพื่อรู้เท่าทันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรงพยาบาลพญาไท 2  จะจัดเสวนาพิเศษ ฟรี !!!  ในหัวข้อเรื่อง “นวัตกรรมการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ และการรักษามะเร็งในผู้ป่วยหลังผ่าตัด”  ในวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2556  เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม We before me  ชั้น meeting อาคารจอดรถ  โดยผู้ร่วมสัมมนาจะได้รับการประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และได้รับการปรึกษาจากนักวิชาการในเรื่องของกินดีมีสุข ลดทุกข์จากมะเร็ง  ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  คลินิกลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรงพยาบาลพญาไท โทรศัพท์  0-2617-2444 ต่อ 7401 , 7406