“วูเช่” เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Dermache”
สกินแคร์สกัดจากธรรมชาติสำหรับสาวเอเชีย
“วูเช่” ประกาศเดินหน้าเปิดตัวแบรนด์ “Dermache” สกินแคร์สำหรับสาวเอเชีย หวังยกระดับสกินแคร์แบรนด์ไทยเดินหน้าส่งออกไปจีนและอาเซียน เล็งขยายตลาดสู่ตลาดจีน ชูจุดขายสารสกัดธรรมชาติจากแร่ธาตุและพืช ปราศจากสารสกัดจากสัตว์ 100% พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Dermache White Intensive Cream” สารสกัดจาก 7 อัญมณีราชินีผิวขาว และเตรียมแตกไลน์สู่ผลิตภัณฑ์ Make up มั่นใจสิ้นปีโกยรายได้กว่า 50 ล้านบาท
ดร.นฤมล พุ่มฉัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วูเช่ จำกัด เปิดเผยว่า “วูเช่” เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2551 ด้วยการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ภายใต้แบรนด์ “เอซเซ่บิวตี้” ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมานานกว่าสิบปี โดยล่าสุดบริษัทฯประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ “Dermache” (เดอร์มาเช่) สกินแคร์สำหรับสาวเอเชีย คิดค้นวิจัยมาเพื่อตอบโจทย์ทุกสภาพผิวของสาวเอเชีย โดยผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า 2.กลุ่มบำรุงผิว 3. กลุ่มกันแดด โดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ (Flag Ship Product) ของบริษัท ได้แก่ “Dermache White Intensive Cream” ครีมบำรุงผิวหน้า ผลิตจากสารสกัดจาก 7 อัญมณีราชินีผิวขาว ประกอบด้วย เพชร ทองคำ ไข่มุก ทัวร์มาลีน ทองคำขาว ไพลิน เงิน และสารสกัดจากพืชต่างๆอีก 7 ชนิด มีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอย ผิวกระจ่างใส มีออร่า และผลิตภัณฑ์ “Citrus concentrate serum” เซรั่มบำรุงผิวหน้าช่วยยับยั้งกระบวนการเสื่อมของเซลล์ผิวและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวพรรณ กับนวัตกรรมเซลล์ต้นกำเนิดจากส้มบาร์เซโลน่า (Citrustem) และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมขยายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเครื่องสำอาง (Make up) เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“จุดเด่นของบริษัทฯ คือ เรามีโรงงานผลิตและเครื่องจักรที่ทันสมัย และทีมวิจัยที่พร้อมที่จะผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพ และเสาะหาสารสกัดต่างๆจากทั่วโลก เพื่อมาสร้างจุดแข็งให้แบรนด์มีคุณภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Dermache ได้ผ่านกระบวนการค้นคว้าวิจัยด้วยการคัดสรรค์ส่วนผสมที่เป็นสารสกัดล้ำค่า จากแร่ธาตุธรรมชาติ พืชและผลไม้นานาชนิดที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกปราศจากส่วนผสมจากสัตว์ ผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน รวมไปถึงกระบวนการผลิตทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง”
ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของแผนการตลาดนั้น ช่องทางในการจำหน่ายสินค้าหลักของเราจะมุ่งเน้นในการขายผ่านระบบตัวแทนกับ Exclusive Dealer จำนวน 10 บริษัทหลัก ซึ่งมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งในในปีนี้บริษัทจะบุกตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยจะมีการจัดหลักสูตร Online Training ให้กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระตุ้นยอดขายภายในประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทปีนี้ได้บุกตลาดอาเซียนและตลาดจีน ด้วยการออกงานแสดงสินค้าในภูมิภาคอาเซียน เพื่อที่จะทำจับคู่ทางธุรกิจในการส่งออกสินค้า อาทิ งาน DITP ประเทศกัมพูชา และล่าสุดได้ร่วมงาน China international SMEs Fair 2019 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นไปที่กลุ่มคนทำงานระดับ B+ และภายใน 3 ปี บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตลาดโซนเอเซียตะวันออกกลางเพิ่มอีกด้วย เนื่องจากมองว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดศักยภาพที่ยอมรับในคุณภาพสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และมีกระแสนิยมเครื่องสำอางของไทยเป็นอย่างมาก โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้กว่า 50 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10%
อย่างไรก็ดี สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามของไทยในปีนี้ มองว่ายังมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี โดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาดในประเทศถึง 2.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 60% หรือประมาณ 1.68 แสนล้านบาท และตลาดส่งออกที่ทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12 แสนล้านบาท