วีเอ็มแวร์ชูนวัตกรรมช่วยขับเคลื่อนเอเชียสู่อนาคตดิจิทัล

0
494
image_pdfimage_printPrint

เร่งยกระดับองค์กรธุรกิจในเอเชีย เพิ่มความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และทางเลือกที่เหนือกว่า
เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ พร้อมสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจด้วยวีเอ็มแวร์

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 24 พฤษภาคม 2562 – วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมซอฟต์แวร์ระดับองค์กร เผยกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพรากฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ให้สามารถรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่กำลังเข้าสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอย่างรวดเร็ว งาน VMware CIO Forum 2019 ที่รวมผู้บริหารระดับสูงจากทั่วภูมิภาคเข้าร่วมกว่า 100 คน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเจาะลึกเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตั้งแต่การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ไปจนถึงการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ โมบิลิตี้ และการรักษาความปลอดภัย เพื่อสนับสนุนความสำเร็จขององค์กรต่างๆ ที่ต้องการก้าวทันกระแสการเติบโตใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในองค์กร (CIO) ประจำปี 2562 จัดทำโดยการ์ทเนอร์ ระบุว่า การพลิกโฉมธุรกิจสู่รูปแบบดิจิทัลได้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดพลิกผัน โดย 47 เปอร์เซ็นต์ ของผู้บริหาร CIO ในเอเชีย-แปซิฟิกรายงานว่า องค์กรของตนได้ปรับเปลี่ยนหรืออยู่ระหว่างปรับรูปแบบธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว นอกจากนี้ 31 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหาร CIO ในเอเชีย-แปซิฟิกกำลังยกระดับความพยายามในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของภูมิภาคนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนคาดว่าจะแตะระดับ 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 โดยเพิ่มขึ้นจากสองแสนล้านดอลลาร์ในปี 2561 แม้ว่าองค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้มีความพร้อมที่จะรองรับการเติบโตในอนาคต แต่การที่องค์กรขาดความคล่องตัวในการดำเนินงานและการเปลี่ยนแปลงที่เชื่องช้า ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น3

นาย ซันเจย์ เค. เดชมุคห์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลีของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “แน่นอนว่าองค์กรธุรกิจจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปฏิรูปองค์กร เพื่อให้ก้าวทันสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ในเอเชีย แต่คำถามสำคัญก็คือ จะสามารถกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการขยายธุรกิจให้เติบโตในช่วงทศวรรษหน้าได้อย่างไร วีเอ็มแวร์นำเสนอนวัตกรรมโซลูชั่นแบบครบวงจรเพื่อวางรากฐานที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจประสบความสำเร็จในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้

สร้างผลลัพธ์และโอกาสที่ดีกว่าด้วยคลาวด์
ในการพัฒนาสู่ระบบมัลติคลาวด์ องค์กรจำนวนมากประสบปัญหาความยุ่งยากซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้โครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือด้านการจัดการ และกระบวนการที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ วีเอ็มแวร์จึงได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ก้าวล้ำสำหรับ VMware Cloud เมื่อไม่นานมานี้ รวมไปถึงการปรับปรุง VMware Cloud Foundation, VMware vCloud Director, CloudHealth by VMware และการขยายการเข้าถึงบริการบน Cloud Foundation ผ่านทาง VMware Cloud on AWS ในสิงคโปร์ และพาร์ทเนอร์ VMware Cloud Verified รายอื่นๆ เพิ่มเติมทั่วโลก ด้วยการอัพเดตกลุ่มโซลูชั่นเพิ่มเติมในครั้งนี้ ลูกค้าของวีเอ็มแวร์จะได้รับความยืดหยุ่นและทางเลือกเพิ่มมากขึ้นสำหรับการใช้งานระบบคลาวด์ เพื่อสร้าง ติดตั้ง และให้บริการแอปพลิเคชันที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารยูโอบี (United Overseas Bank Limited (UOB)) ยังได้ประกาศว่าทางธนาคารเป็นองค์กรแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้งาน VMware Cloud on AWS เพื่อรองรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล

มร. อะห์ดูนิค ชัก หัวหน้ากลุ่มบริการโครงสร้างพื้นฐานส่วนงานเทคโนโลยีและการปฏิบัติการธนาคารยูโอบี (UOB) กล่าวแสดงความยินดีกับวีเอ็มแวร์สำหรับความสำเร็จในการดำเนินงานในภูมิภาคนี้ โดยระบุว่า “VMware Cloud on AWS ช่วยให้ยูโอบีสามารถสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมบนระบบคลาวด์ ควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ทางยูโอบีมีความยินดีที่ได้เป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้โซลูชั่นแบบครบวงจรนี้เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรม”

การเปิดตัวล่าสุดสำหรับ VMware Cloud on Dell EMC และ โซลูชั่น Microsoft Azure VMware นับเป็นการขยายนวัตกรรมของวีเอ็มแวร์ไปสู่ลูกค้าที่หลากหลายกลุ่มมากขึ้น เพื่อเร่งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในภูมิภาค บริการ VMware Cloud on Dell EMC ผสานรวมความเรียบง่าย ความคล่องตัว และการประหยัดค่าใช้จ่ายของระบบคลาวด์สาธารณะเข้ากับความปลอดภัย การควบคุม และประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่ติดตั้งภายในองค์กร ขณะที่โซลูชั่น Azure VMware ช่วยให้ลูกค้าได้รับพลังที่เหนือกว่าสำหรับการโยกย้าย ขยาย และรันเวิร์กโหลด VMware ที่มีอยู่จากสภาพแวดล้อมภายในองค์กรไปสู่ Azure ได้อย่างไร้รอยต่อ การขยายความร่วมมือระหว่างวีเอ็มแวร์กับเดลล์ เทคโนโลยีส์ และไมโครซอฟท์ ช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์และความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นสำหรับการเร่งพัฒนาสู่ระบบไฮบริดมัลติคลาวด์ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

พัฒนากลยุทธ์ ดิจิทัล เวิร์คสเปซ
ขณะที่ภาคธุรกิจกำลังพัฒนาไปสู่สภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ ลักษณะของรูปแบบการทำงานก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ก็พัฒนาไปสู่การใช้ทรัพยากรและแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์หลายๆ ระบบ เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้ VMware Workspace ONE สามารถจัดการและใช้งานฟีเจอร์ด้านประสิทธิภาพการทำงานของ Office 365 บนอุปกรณ์ต่างๆ โดยอาศัยการบูรณาการบนระบบคลาวด์เข้ากับ Microsoft Intune และ Azure Active Directory ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากพื้นที่ทำงานดิจิทัลบนแพลตฟอร์มอุปกรณ์ต่างๆ และได้รับความคุ้มค่าสูงสุดจากการลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต

นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ยังวางแผนจะขยายความสามารถของ Microsoft Windows Virtual Desktop เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินโครงการด้านคลาวด์ โดยใช้ VMware Horizon Cloud บน Microsoft Azure การขยายความร่วมมือของบริษัททั้งสองนับเป็นพัฒนาการก้าวย่างที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ ได้รับประโยชน์จากความสะดวกในการใช้งานและความปลอดภัยระดับองค์กร รองรับการทำงานในยุคสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นบนอุปกรณ์ที่หลากหลาย

ปรับแนวทางรักษาความปลอดภัยภายในองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางจนถึงระบบคลาวด์
เนื่องจากไซเบอร์ซีเคียวริตี้มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นต่อความสำเร็จของโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรต่างๆ ดังนั้นวีเอ็มแวร์จึงได้นำเสนอแนวทางใหม่ด้านการรักษาความปลอดภัย โดยมุ่งเน้นแอปพลิเคชันมากกว่าโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดช่องทางการโจมตี และทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยรวมอยู่ภายในองค์กร ด้วยการเปิดตัวไฟร์วอลล์ที่กำหนดด้วยบริการ (Service-defined Firewall) รุ่นแรกในอุตสาหกรรม และความสามารถใหม่ๆ ด้านความปลอดภัยของ Workspace ONE วีเอ็มแวร์จะใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่โดดเด่นของโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ชวลและโมบายล์ เพื่อรองรับการตรวจสอบแอปพลิเคชันอย่างละเอียดและครอบคลุม ซึ่งจะช่วยคุ้มครองดาต้าเซ็นเตอร์และพื้นที่ทำงานดิจิทัล รวมทั้งปกป้องโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กร

“องค์กรต่างๆ ในเอเชียมีความพร้อมอย่างมากในการเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ที่พึ่งพานวัตกรรม และด้วยเหตุนี้ วีเอ็มแวร์จึงมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมในส่วนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์ โมบิลิตี้ และการรักษาความปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และช่วยให้ลูกค้าพัฒนาเติบโตอย่างก้าวกระโดดควบคู่ไปกับทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น” นาย ซันเจย์ เค. เดชมุคห์ กล่าวเพิ่มเติม

###

เกี่ยวกับ วีเอ็มแวร์
วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน ด้วยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กว่า 75,000 ราย ผนวกกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของวีเอ็มแวร์ อาทิ ระบบประมวลผล ระบบคลาวด์ โมบิลิตี้ เน็ตเวิร์คกิ้ง และระบบรักษาความปลอดภัย วีเอ็มแวร์จึงเป็นผู้ให้บริการระบบดิจิทัลพื้นฐานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว โดยให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 500,000 รายทั่วโลก สำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปีนี้ วีเอ็มแวร์ฉลองครบรอบ 20 ปีแห่งความก้าวหน้าในการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างผลประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและสังคม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.vmware.com/company.html

VMware, VMware Cloud และ Cloud Foundation เป็นเครื่องหมายทางการค้าของวีเอ็มแวร์ อิงค์ หรือ บริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและเขตอื่น ๆ