ลูกเข้าใจภาษาอังกฤษหรือยัง จะรู้ได้อย่างไร?
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านมีความคาดหวังกับลูกๆ ว่าต้อง ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ ตามความคาดหวังในใจของคุณพ่อคุณแม่ และยิ่งจะคาดหวังมากขึ้นเมื่อคิดว่าลูกจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า เพราะลงทุนส่งลูกรักไปเรียนในโรงเรียนสองภาษาแล้วก็ตาม ดังนั้นจะรู้ได้อย่างไร? ว่าลูกสามารถเข้าใจ และสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว…
ปัจจุบันทุกโรงเรียนทั้งรัฐบาลและเอกชน ต่างก็ปรับปรุง พัฒนาหลักสูตรการศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสอาเซียนที่ว่า “ภาษาอังกฤษ คือภาษาทางการที่ใช้ติดต่อประสานงานระหว่างประเทศ” ดังนั้นเชื่อว่านักเรียนไทยปัจจุบันจะได้เรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น พร้อมรับมือกับอนาคตแน่นอน อย่างไรก็ตามก็มีกลุ่มผู้ปกครองยุคใหม่จำนวนไม่น้อยที่เล็งเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษอย่างมาก ได้หันมาศึกษาข้อมูลโรงเรียน รูปแบบ หลักสูตร การจัดการเรียนการสอนชนิดแบบเจาะลึก ก่อนการตัดสินใจลงทุนด้านการศึกษาให้แก่ลูกรัก
แน่นอนว่าการเกิดขึ้นของโรงเรียนทางเลือกที่เน้นการสอนภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนไทยหลักสูตรอิงลิชโปรแกรม (EP Program) โรงเรียนนานาชาติ (International) โรงเรียนสองภาษา (Bilingual) โรงเรียนสามภาษา (Trilingual) ซึ่งการคุณพ่อคุณแม่จะเลือกโรงเรียนไหนก็ขึ้นอยู่กับ ความต้องการ ความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียนที่จะตอบโจทย์ในใจของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิตก็ เป็นโรงเรียนอีกทางเลือกหนึ่ง กล่าวคือ เป็นโรงเรียนรูปแบบทวิภาษา หรือสองภาษา ที่ตอบโจทย์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีความคาดหวังว่า ลูกๆของท่านนั้นสามารถที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วในชีวิตประจำวันไม่แพ้ภาษาแม่คือภาษาไทยนั่นเอง ด้วยความที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหวิทยาลัยรังสิตเป็นโรงเรียนสองภาษา จึงเน้นให้นักเรียนได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็มรูปแบบ ทั้งการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรายวิชาหลัก และการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อให้นักเรียนเกิดความคุ้นเคย และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้แบบไม่เขิน
แต่คุณพ่อคุณแม่อาจเกิดความสงสัยว่า แล้วลูกๆของท่านจะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษได้ระดับไหน? เพราะโรงเรียนสองภาษาก็ยังต่างกับโรงเรียนนานาชาติอยู่ดี…
มีหลายวิธีที่ที่จะวัดผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน อาทิ การสอบ การแข่งขัน การประเมิน หรืออื่นๆที่เหมะสมตามมาตรฐานกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อดูว่านักเรียนมีคุณภาพแค่ไหน? หรือมีความสามารถเพียงพอแล้วหรือยัง? ซึ่งการวัดผลสัมฤทธิ์ดังกล่าวจะดำเนินไปทีละขั้น เพื่อดูพัฒนาการและความก้าวหน้านั่นเอง เช่นเดียวกับโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต มีการวัดผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนในทุกด้านเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
วิธีแรก เรียกว่า “สร้างกิจกรรม”
ครูผู้สอนภาษาอังกฤษ โดยครูชาวต่างชาติ (Native Speaker) จะสร้างกิจกรรมภาษาอังกฤษที่สอดคล้องกับความสนใจของนักเรียน ตัวอย่างเช่น ต้องการดูทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ตัวนั้นครูจะมอบหมายให้นักเรียนเขียนเล่าเรื่องเป็นภาษาอังกฤษในเรื่องที่สนใจ โดยนักเรียนไม่จำเป็นต้องยึดวิธีการเขียนแบบเดิมๆ คือเขียนเล่าเรื่องและส่งเป็นกระดาษรายงาน แต่นักเรียนสามารถทำเป็นวิดิโอ ภาพเคลื่อนไหว หรือแอนนิเมชั่น ตามความถนัดและทักษะที่เรียนมาได้ โดยมีข้อจำกัดคือบรรยายเล่าเรื่องเพื่อแสดงความสามารถทางการเขียน เป็นต้น
วิธีที่สอง เรียกว่า “สร้างทักษะ”
วิธีนี้ครูผู้สอนจะเพิ่มระดับความความสามารถในการเข้าใจภาษาอังกฤษ โดยการให้นักเรียนได้สัมผัสกับการใช้ภาษานอกโรงเรียน เช่น การสื่อสารภาษาอังกฤษที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ การดูรายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษ การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งครูจะมีเทคนิคในการสอบถามนักเรียนว่าได้ทำหรือไม่ ได้ฟังรายการนั่นหรือเปล่า หรือได้ถามคำถามนี้กับคุณพ่อคุณแม่หรือยัง ทั้งนี้แต่ละคนจะถูกวัดและประเมินผลต่างกัน เพื่อให้นักเรียนรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติไม่ใช่การบังคับให้ทำเป็นการบ้าน เหล่านี้ครูจะสามารถประเมินได้ว่านักเรียนแต่ละคนมีความเข้าใจภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร หากใครอ่อนทักษะไหน ฟัง พูด อ่าน เขียน ก็ค่อยๆเพิ่มระดับการสร้างทักษะนั้นๆ
วิธีที่สาม เรียกว่า “สร้างความมั่นใจ”
การวัดผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนอีกประการหนึ่ง คือการสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน ว่านักเรียนนั้นสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง และคล่องแคล่ว โดยการส่งเสริมการแข่งขันทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งนักเรียนทุกระดับชั้นต้องแสดงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษที่ประกอบไปด้วย ทักษะการสะกดคำและใช้คำศัพท์ (Spelling Bee), ทักษะการพูดสุนทรพจน์ (Speech), ทักษะการเล่าเรื่อง (Story Telling) การออกแบบการแข่งขันนี้จะช่วยส่งสริมให้นักเรียนมีความมั่นใจ คล่องแคล่ว ในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
การวัดผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิตตามที่กล่าวไปนั้น เป็นการวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ของนักเรียน ซึ่งจะมีการวัดลักษณะนี้เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ว่านักเรียนมีความเข้าใจทักษะภาษาอังกฤษทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ในระดับไหน ตามเกณฑ์มาตรฐานที่หมวดภาษาต่างประเทศกำหนดไว้ภายใต้กรอบของกระทรวงศึกษาธิการด้วย แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะสังเกตเห็นพัฒนาการของลูกในการใช้ภาษาอังกฤษตามลำดับขั้นไปพร้อมๆกัน
ดังนั้นปัญหาที่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเข้าใจภาษาอังกฤษแล้วหรือยัง ก็สามารถดูจากผลการวัดและประเมินนักเรียนตามวิธีที่กล่าวไปแล้วนั้น ทั้งนี้วิธีการและเทคนิคการวัดผลสัมฤทธิ์ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษจะถูกพัฒนาและออกแบบไปตามระดับชั้นของนักเรียน เพื่อเพิ่มระดับของทักษะการวัดผลให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย