รายงานประจำปีฉบับใหม่ของนูทานิคซ์ระบุว่า ธุรกิจต้องใช้โซลูชั่นไฮบริดคลาวด์ เพื่อช่วยให้การทำงานบนมัลติคลาวด์เป็นไปอย่างสอดคล้องกัน

0
567
image_pdfimage_printPrint

ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจในการใช้งานมัลติคลาวด์  แต่อุปสรรคที่พบคือ การขาดระบบการทำงานที่สอดคล้องกัน

กรุงเทพฯ – 8 ตุลาคม 2563 – นูทานิคซ์  (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านเอ็นเตอร์ไพรส์คลาวด์คอมพิวติ้ง เผยผลรายงานฉบับใหม่ที่วิเคราะห์ถึงความท้าทายและโอกาสสำคัญต่าง ๆ ในการนำไฮบริดคลาวด์มาใช้งาน รายงานระบุว่าในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่มองว่า ไฮบริดคลาวด์เป็นรูปแบบไอทีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน แต่ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่ามีธุรกิจอีกมากที่ยังมีข้อติดขัดในการใช้ไฮบริดคลาวด์ โดย 70% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า การปรับเปลี่ยนของพวกเขาใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้  อย่างไรก็ตามผลสำรวจพบว่า ธุรกิจมีเป้าหมายในการใช้ไฮบริดคลาวด์ที่ชัดเจน ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมด (95%) คิดว่าองค์กรของตนจะได้รับประโยชน์จากการนำระบบไฮบริดคลาวด์ที่เหมาะสมมาใช้งาน เพื่อช่วยให้โครงสร้างและการดำเนินงานด้านไอทีบนมัลติคลาวด์เป็นไปอย่างสอดคล้องกัน และช่วยขจัดความท้าทายหลายประการที่ธุรกิจเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ต่างคนต่างทำเป็นไซโลไปจนถึงการขาดแคลนพนักงาน

การที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังมีข้อติดขัดในการปรับตัวให้ทันกับสภาพความเป็นจริงใหม่ที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นความสำคัญของความยืดหยุ่นที่มีต่อความสำเร็จทางธุรกิจได้อย่างชัดเจนมากขึ้น  สถานการณ์โลกในปัจจุบันได้ย้ำให้เห็นความจำเป็นที่ธุรกิจจำนวนมากต้องมีโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าองค์กรนั้น ๆ จะต้องการใช้พับลิคคลาวด์เพื่อให้สามารถใช้งานระบบเดสก์ท็อปจากระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อทำการรวบรวมศูนย์การกู้คืนระบบที่มีอยู่หลายแห่งให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อย้ายเวิร์กโหลดไปยังไพรเวทคลาวด์ เพื่อขจัดความกังวลด้านประสิทธิภาพของพับลิคคลาวด์ หรือเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขีดความสามารถได้ตามที่ต้องการก็ตาม  แต่คำว่าความยืดหยุ่นไม่ได้หมายความแค่ว่าสามารถใช้ทั้งพับลิคและไพรเวทคลาวด์ได้เท่านั้นอีกต่อไป แต่หมายถึงการได้รับประสบการณ์ที่ดี การมีเครื่องมือ และการทำงานที่สอดคล้องกันบนมัลติคลาวด์ เพื่อช่วยให้การเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชั่นและข้อมูลไปทำงานบนคลาวด์ประเภทใดก็ได้ที่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ มากที่สุด ทำได้อย่างง่ายดาย 

นางเวนดี้ เอ็ม. ไฟเฟอร์ ประธานฝ่ายสารสนเทศของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “องค์กรที่ทันสมัยในปัจจุบัน จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นของการใช้งานไอทีเป็นตัวนำ และสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือ การกระจายทรัพยากรต่าง ๆ ออกไป เพื่อให้ทรัพยากรเหล่านั้นพร้อมให้ใช้งานมากขึ้น  การใช้มัลติคลาวด์ไม่ว่าจะเป็นพับลิค ไพรเวท หรือเอดจ์คอมพิวติ้งทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถนำโครงสร้างพื้นฐานไอทีของตนไปใช้ในที่ที่จำเป็นที่สุดได้อย่างไม่ยุ่งยาก  แต่ผลสำรวจพบว่าความยืดหยุ่นนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีโครงสร้างการดำเนินงาน และเครื่องมือที่ทำงานได้อย่างสอดคล้องกันบนมัลติคลาวด์เท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ไฮบริดคลาวด์เป็นคลาวด์ที่เหมาะสมในการนำมาใช้เพื่อการนี้”

นูทานิคซ์ได้มอบหมายให้แวนสัน บอร์น ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดอิสระเป็นผู้จัดทำรายงานฉบับนี้  โดยการวิเคราะห์ถึงความท้าทายหลัก ๆ ในการจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานพับลิคและไพรเวทคลาวด์ที่ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน แวนสัน บอร์น ได้สำรวจผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีจำนวน 650 คน จากอุตสาหกรรมหลายประเภท หลายขนาด ในภูมิภาคอเมริกา, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, เอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น

ผลสำรวจเพิ่มเติม

พับลิคคลาวด์อย่างเดียวไม่ใช่คำตอบเสมอไป: พับลิคคลาวด์ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมไอทีด้วยคุณสมบัติด้านความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการทำงานที่มากขึ้น แม้ว่าพับลิคคลาวด์จะเป็นระบบที่เหมาะกับแอปพลิเคชั่นและเวิร์กโหลดบางประเภท แต่ก็ไม่ใช่กับทุกประเภท ทำให้ธุรกิจหลายแห่งหันไปใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริด  ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับการนำแอปพลิเคชั่นที่สำคัญต่อธุรกิจมาก ๆ ไปใช้งานบนพับลิคคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความน่าเชื่อถือ (75%) การเคลื่อนย้ายข้ามแพลตฟอร์ม (73%) และเรื่องค่าใช้จ่าย (72%) นอกจากนี้ธุรกิจบางแห่งยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชั่นสำคัญทางธุรกิจได้ เนื่องจากความซับซ้อนหรือเรื่องค่าใช้จ่าย  สำหรับข้อกังวลอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามไม่สามารถย้ายแอปพลิเคชั่นได้แก่ การต้องออกแบบหรือปรับโครงสร้างแอปพลิเคชั่นแพลตฟอร์มใหม่ (75%) และความยุ่งยากในการโยกย้าย (71%) 

การใช้คลาวด์หลายประเภทร่วมกัน เป็นการเพิ่มช่องว่างด้านทักษะไอที: แม้ว่าธุรกิจจำนวนมากพยายามหาคนที่มีความสามารถด้านไอทีที่มีคุณสมบัติเพียงพอ แต่ปัญหาจะเพิ่มขึ้นเมื่อต้องหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้ทั้งแบบพับลิคและไพรเวทคลาวด์ เนื่องจากปัจจุบันการจัดการคลาวด์ทั้งสองประเภทจำเป็นต้องใช้ชุดทักษะที่แตกต่างกัน  องค์กรส่วนใหญ่ (88%) กำลังเผชิญกับความท้าทายในเรื่องที่จะต้องแน่ใจว่าพนักงานไอทีของตนมีทักษะที่จำเป็นต่อการจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮบริด และมากกว่าครึ่ง (53%) เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ 

ช่องว่างด้านทักษะ ทำให้ต่างคนต่างทำงาน และเกิดความด้อยประสิทธิภาพ: การจัดการโครงสร้างพื้นฐานพับลิคและไพรเวทคลาวด์ต้องการพนักงานที่มีทักษะต่างกัน ต้องใช้ทีมงานแยกกัน ทำให้เกิดการทำงานแบบต่างคนต่างทำ ซึ่งเกือบทั้งหมดของผู้ตอบแบบสอบถาม (95%) ประสบกับปัญหานี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่เกิดขึ้นมักจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรในท้ายที่สุด ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากขึ้นหากอยู่ในช่วงที่ธุรกิจหลายแห่งให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งระบุว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรแบบไร้ทิศทาง (49%) ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น (45%) และ/หรือการสิ้นเปลืองทรัพยากร (43%)

การเคลื่อนย้ายข้ามแพลตฟอร์มเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่เฉพาะกับแอปพลิเคชั่นเท่านั้น: ธุรกิจส่วนใหญ่ (88%) ให้ความเห็นว่าซอฟต์แวร์ไลเซนซ์เป็นสิ่งสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮบริด เพราะเมื่อจะย้ายเวิร์กโหลดหรือดาต้าไปยังพับลิคคลาวด์ ธุรกิจหลายแห่งประสบปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องไลเซนซ์ (58%) หรือปัญหาเวนเดอร์ล็อคอิน (58%)  นอกจากนี้รายงานยังระบุว่าเกือบสองในสาม (65%) ของผู้ตอบแบบสำรวจยินดีพิจารณาใช้ซับสคริปชั่นไลเซนซ์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของตน

องค์กรธุรกิจต่างกำลังมองหาความยืดหยุ่นซึ่งไม่ใช่ทางเลือกระหว่างไพรเวทและพับลิคคลาวด์ หรือระหว่างผู้ให้บริการพับลิคคลาวด์แต่ละรายอีกต่อไป  องค์กรต่างต้องการโซลูชั่นที่ให้ประสบการณ์ที่ดี ให้เครื่องมือและวิธีการทำงานที่สอดคล้องกัน และใช้ได้กับมัลติคลาวด์ เพื่อจัดการกับความท้าทายจำนวนมาก และขจัดปัญหาความด้อยประสิทธิภาพในการทำงานที่กำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน  ไฮบริดคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดจะให้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่องค์กรเหล่านี้ต้องการ เพื่อนำประโยชน์ด้านความยืดหยุ่นของมัลติคลาวด์มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะใช้งานบนไพรเวทหรือพับลิคคลาวด์ก็ตาม

ดูข้อมูลรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่