รายงานขององค์การสหประชาชาติ: การชำระเงินผ่านทางโซเชียลเน็ทเวิร์คในจีนใกล้ทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์

0
894
image_pdfimage_printPrint

การชำระเงินผ่านทางแพลตฟอร์มการรับ-ส่งข้อความและอีคอมเมิร์ซมีแนวโน้มว่า จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนอีก 2.36 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 นับเป็นการนำเสนอโอกาสใหม่ๆทางด้านเศรษฐกิจสำหรับประชาชนและธุรกิจขนาดเล็ก

รายงานฉบับใหม่ขององค์การสหประชาชาติเผย อาลีเพย์ (Alipay) และ วีแชท เพย์ (WeChat Pay) ทำให้การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลของจีนในปี 2559 มีมูลค่าอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่าในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลยังบ่งชี้ว่า ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล การใช้แพลตฟอร์มและเครือข่ายที่มีอยู่เดิมนั้น ช่วยทำให้สามารถเข้าถึงบริการด้านการเงินแบบดิจิทัลได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังขยายโอกาสด้านการเงินและเศรษฐกิจทั่วทั้งประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน

รายงานฉบับใหม่เรื่อง Social Networks, E-Commerce Platforms and the Growth of Digital Payment Ecosystems in China – What It Means for Other Countries ที่จัดทำโดย Better than Cash ขององค์การสหประชาชาติ ประกอบไปด้วยบทเรียนที่สำคัญๆเพื่อช่วยเหลือประเทศต่างๆ และประชาชนด้วยการเปลี่ยนผ่านการชำระเงินด้วยเงินสดไปสู่การชำระเงินแบบดิจิทัล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มจีดีพีให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาได้อีก 6% ภายในปี 2568 โดยเพิ่มเป็นมูลค่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ และตำแหน่งเงินอีก 95 ล้านตำแหน่ง รายงานของ McKinsey Global Institute ระบุ

“แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ทเวิร์คและอีคอมเมิร์ซกำลังขยายตัวในเศรษฐกิจทุกๆระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบใหญ่หรือเล็ก” รัท กู๊ดวิน กรรมการผู้จัดการของ Better Than Cash Alliance กล่าว “ในจีนนั้น การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลกำลังขยายตัวไปสู่ช่องทางดังกล่าว และดึงประชาชนหลายล้านคนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะเรารู่ว่า เมื่อประชาชน โดยเฉพาะผู้หญิง ได้เข้าถึงบริการด้านการเงิน พวกเขาก็จะสามารถเก็บออม สร้างสินทรัพย์ รับมือกับภาวะผันผวนทางการเงิน และมีโอกาสที่ดีขึ้นที่จะปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง”

ประเด็นที่สำคัญของรายงาน

ประชาชนมีโอกาสที่จะเก็บออมและลงทุนมากขึ้น แพลตฟอร์มอย่างอาลีบาบา Yu’e bao นั้น ช่วยลงทุนในผลิตภัณฑ์ด้านการเงินที่หลากหลายและยังทำให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆเหล่านี้ได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนสามารถลงทุนกับเงินที่มีอยู่ไปกับบัญชีในระบบดิจิทัล และส่งผลให้สามารถเก็บออมได้ในระยะยาว ขากปี 2556-2559 นั้น Yu’e bao ได้เติบโตจนสามารถบริหารจัดการวงเงินถึง 1.17 แสนล้านดอลลาร์ และปัจจุบันก็สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ถึงกว่า 152 ล้านราย
การเงินผ่านระบบดิจิทัลช่วยให้ผู้ค้ารายเล็กสามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างมหาศาล เมื่อเดือนกันยายน 2559 ผู้ให้บริการรายหนึ่ง Ant Financial ของอาลีบาบา ซึ่งบริหาร Alipay ได้ปล่อยกู้วงเงิน 7.40 แสนล้านหยวน (1.07 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อยกว่า 4.11 ล้านราย
บิ๊กดาต้าที่เกิดขึ้นจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยสร้างประวัติศาสตร์แห่งการจัดเก็บข้อมูลด้านสินเชื่อและยังช่วยส่งเสริมให้มีการเข้าถึงสินเชื่อ โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้ต่ำและห่างไกลจากระบบการเงิน ดังตัวอย่างของ Sesame Credit ซึ่งให้บริการประเมินความคุ้มค่าของสินเชื่อเพื่อเป็นทางเลือก ด้วยการตรวจสอบประวัติความเป็นมาของสินเชื่อ พฤติกรรมด้านการเงิน ความสามารถในการทำสัญญา อัตลักษณ์ และโซเชียลเน็ทเวิร์คของกลุ่มผู้ใช้บริการ

รายงานฉบับนี้ยังพบด้วยว่า Alipay และ WeChat1 กำลังขยายขอบข่ายไปในจีน และได้ลงทุนในบริษัทด้านเทคโนโลยีการเงินและบริการด้านการชำระเงินรายใหญ่ๆ โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์มด้านการสื่อสารรายใหญ่ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ทเวิร์คและอีคอมเมิร์ซที่มีอยู่เดิมผลักดันการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลและการเงิน ซึ่งมีความแข็งแกร่งในประเทศที่มีการใช้สมาร์ทโฟนสูงและมีการร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและประชาชน

ในแอฟริกาใต้นั้น 78% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นผ่านช่องทางไร้สาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีอัตราการใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่มีชาวแอฟริกันเพียง 15% ที่ใช้บริการซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือในเดือนก่อนๆที่ได้มีการสำรวจเมื่อปี 2559
ในอินเดียนั้น ทั้ง Ant Financial และเทนเซนท์ (Tencent) ได้นำระบบชำระเงินแบบไร้สายเข้ามายังตลาดอินเดีย ซึ่งมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ โดย Ant Financial ได้ลงทุนไปถึง 900 ล้านดอลลาร์กับ PayTM รวมทั้งยังได้แบ่งปันพนักงานและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ผลลัพธ์ก็คือ PayTM สามารถขยายกลุ่มผู้ใช้บริการจาก 5 ล้านรายสู่ 200 ล้านรายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
อินโดนีเซีย ถือเป็นตลาดเอ็มคอมเมิร์ซที่การขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกเมื่อปี 2559 โดยมีอัตราการขยายตัว 155% จากเดือนมกราคม 2559 ถึงเดือนมกราคม 2560 โดยแอพแชทชื่อดังอย่าง BBM มีผู้ใช้บริการถึงกว่า 55 ล้านรายในอินโดนีเซีย และยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อไป
อเมริกาใต้นั้น มีตลาดที่มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบการชำระเงินที่ใกล้เคียงกับที่จีน ประชากรชาวอเมริกาใต้ 51% ใช้โซเชียลมีเดย และ 52% เชื่อมต่อเข้ากับโซเชียลมีเดียผ่านทางมือถือ การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลยังคงกระจัดกระจาย ยังไม่มีผู้ให้บริการชำระเงินรายใดที่สามารถเชื่อมโยงบริการของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ

หากต้องการรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม Better Than Cash Alliance มีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการศึกษา

สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ
Angela Corbalan, Head of Communications, angela.corbalan@uncdf.org, (+1) 917 224 9109

Better Than Cash Alliance เป็นพันธมิตรระดับโลกของรัฐบาล บริษัท และองค์กรในระดับสากลที่เร่งการเปลี่ยนผ่านจากการชำระเงินด้วยเงินสดไปสู่การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัล เพื่อที่จะลดความยากจนและผลักดันให้เกิดการขยายตัวอย่างครอบคลุม โดยมีกองทุนพัฒนาเงินทุนแห่งสหประชาชาติ (UNCDF) ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าเว็บไซต์ www.betterthancash.org หรือติดตามได้ที่ @BetterThan_Cash

โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/460828/better_than_cash_alliance_logo.jpg